ปัญหาเงินขาดมือ หรือเงินที่มีไม่พอกับค่าใช้จ่ายนั้นเป็นเรื่องที่หลายๆคนอาจจะเคยได้ประสบมาแล้ว หรือบางคนอาจกำลังเผชิญอยู่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรทุกคนที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้ต่างก็ต้องหาทางออกเพื่อที่จะแก้ปัญหาไปให้ได้ ซึ่งบางคนก็สามารถแก้ไขและผ่านไปได้ด้วยดี ในขณะที่บางคนยิ่งแก้กลับเหมือนจะยิ่งรัดมากขึ้น เนื่องจากวิธีแก้ไขปัญหาเงินขาดมือนั้นก็ไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัว การเลือกวิธีแก้ไขปัญหาแบบไหนนั้นจึงต้องขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ สภาพการณ์ของแต่ละบุคคล ในวันนี้เราจึงนำ “3 วิธีแก้วิกฤติเงินขาดมือด้วยสินเชื่อ”มาฝากกัน เพื่อที่จะได้พอเป็นแนวทางให้กับคนที่กำลังเผชิญกับปัญหาเงินขาดมืออยู่ได้เกิดแนวคิดในการเลือกวิธีที่ดี และเหมาะกับตนเองได้มากที่สุด ส่วนจะมีวิธีอะไรบ้างนั้น เรามาติดตามต่อไปพร้อมๆกันได้เลยค่ะ
กู้เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิต
หลายๆคนอาจยังไม่เคยทราบว่า กรมธรรม์ประกันชีวิตที่เราจ่ายค่าเบี้ยประกันไปในทุกๆปีนั้น สามารถใช้เป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินได้ด้วยค่ะ เพราะว่ากรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีอายุตั้งแต่สองปีขึ้นไปนั้นมีมูลค่าของกรมธรรม์นั้นเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งรายละเอียดของการกู้ยืมเงินโดยใช้กรมธรรม์ประกันชีวิตเป็นหลักประกันนั้น มีรายละเอียดที่ถูกระบุไว้อย่างชัดเจนอยู่ในเล่มกรมธรรม์ทุกๆฉบับที่เราถือค่ะ
การกู้เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิตนั้น เป็นสิทธ์ที่ผู้เอาประกันพึงได้รับหากเกิดกรณีมีความเดือดร้อนเรื่องการเงินต่างๆ หรือปัญหาเงินสดขาดมือ ซึ่งโดยปกติผู้เอาประกันนั้นสามารถกู้ยืมได้ในวงเงินไม่เกิน 80% ของมูลค่าเวนคืนเงินสดค่ะ อย่างที่บอกไปข้างต้นแล้วว่ากรมธรรม์ประกันชีวิตจะมีมูลค่าตั้งแต่ครบรอบปีกรมธรรม์ที่สองเป็นต้นไป ซึ่งมูลค่านี้ในกรมธรรม์จะถูกเรียกว่า ”มูลค่าเวนคืน” ซึ่งจะมีมูลค่าที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยไปเมื่อครบรอบแต่ละปีของกรมธรรม์ค่ะ มูลค่าเวนคืนนี้จะถูกระบุไว้เป็นตัวเลขอย่างชัดเจนในกรมธรรม์แต่ละเล่ม ซึ่งหากผู้เอาประกันนั้นมีความเดือดร้อนเรื่องการเงินขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็สามารถใช้สิทธิการกู้เงินโดยใช้กรมธรรม์ประกันชีวิตเป็นหลักประกันได้ทุกเมื่อเลยล่ะค่ะ ในส่วนของวงเงินกู้นั้นผู้เอาประกันก็ยังสามารถคำนวณวงเงินกู้ได้ง่ายๆด้วยตนเองได้เลยค่ะ ซึ่งนั่นก็คือ 80% ของมูลค่าเวนคืนนั่นเอง
ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยของการกู้เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิตนั้น ก็นับว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่แสนจะถูกมากหากเราเทียบกับการกู้เงินจากแหล่งอื่นๆ ซึ่งโดยปกติอัตราดอกเบี้ยจากการกู้เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิตนี้คือ 8% ต่อปีเท่านั้นเองค่ะ ซึ่งหากคุณนั้นเป็นผู้ที่มีประกันชีวิตอยู่ และกำลังเผชิญปัญหาเงินขาดมือ ก็ให้รีบไปพลิกอ่านกรมธรรม์ของตัวเองเพื่อแก้วิกฤติเงินขาดมือได้เลยล่ะค่ะ ไม่ต้องไปหาแหล่งกู้เงินจากที่อื่นให้ต้องปวดหัวอีกต่อไปแล้ว เพราะอัตราดอกเบี้ยจากการกู้เงินแบบนี้นั้น เราขอการันตีได้เลยว่าไม่มีแหล่งเงินกู้ที่ไหนจะคิดดอกเบี้ยที่ต่ำอย่างนี้ได้แล้วล่ะค่ะ
ใช้สินทรัพย์เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ
การใช้สินทรัพย์เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อนั้นเป็นอีกทางออกหนึ่งที่นิยมใช้กันในการแก้ไขวิกฤติยามที่เกิดปัญหาเงินสดขาดมือ หรือยามที่เกิดปัญหาการเงินในเรื่องต่างๆในชีวิต และสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมเพื่อใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อวงเงินสูงๆนั่นก็คือบ้านและรถยนต์ค่ะ ซึ่งบ้านและรถยนต์นั้นนับว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงในตัวเองอยู่แล้ว และยังเป็นที่ต้องการของตลาด จึงทำให้มีสภาพคล่องสูงในการซื้อขายแม้จะเป็นของมือสองก็ตามทีค่ะ การขอสินเชื่อโดยการใช้บ้านหรือรถยนต์มาเป็นหลักประกันจึงเป็นสิ่งที่ทางสถาบันการเงิน หรือบรรดาแหล่งเงินทุนต่างๆ มักนิยมปล่อยสินเชื่อได้ไม่ยากเย็น นอกจากเรื่องของการได้รับวงเงินสินเชื่อที่สูง และสถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายแล้วนั้น ก็ยังเป็นเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าการขอสินเชื่อในรูปแบบอื่นอีกด้วย ซึ่งสินเชื่อบ้านจะอยู่ที่อัตราดอกเบี้ย 6.87% ระยะเวลาการผ่อนชำระยาวนานถึง 30 ปี (ข้อมูลจากธนาคารไทยพาณิชย์ ณ 7 กุมภาพันธ์ 2563 https://www.scb.co.th/th/personal-banking/loans/home-loans/my-home-my-cash.html) หรือสินเชื่อรถยนต์ที่มีอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 9.4% ระยะเวลาการผ่อนชำระยาวนานถึง 84 เดือน (ข้อมูลจากธนาคารไทยพาณิชย์ ณ 1 มกราคม 2563 https://www.scb.co.th/th/personal-banking/loans/car-loans/my-car-my-cash.html) แถมยังมีระยะเวลาการผ่อนชำระที่ยาวนานกันไปถึง 30 ปีเลยทีเดียวค่ะ จึงไม่น่าแปลกใจที่ยามเกิดวิกฤติทางการเงิน หรือยามที่เกิดปัญหาเงินขาดมือนั้นคนส่วนใหญ่จึงนิยมเลือกแก้ปัญหาโดยใช้วิธีนี้กันค่ะ
กดเงินจากบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด
อีกวิธียอดฮิตสำหรับคนที่เกิดปัญหาเงินขาดมือของคนยุคนี้นั่นคือ การกดเงินจากบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดนั่นเองค่ะ สาเหตุเป็นเพราะการได้รับเงินสินเชื่อที่ง่าย สะดวก ได้รับเงินทันใจ และไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันใดๆ แม้จะเป็นวิธียอดฮิตที่ใช้แก้ปัญหาเงินขาดมือได้ แต่ก็พาให้คนติดหล่มแบบฉุดไม่ขึ้นกันมานักต่อนักแล้วเช่นกันค่ะ เพราะเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงถึง 28% ต่อปีนับแต่วันที่กดเงินสด นอกจากนี้หากเป็นบัตรเครดิตด้วยแล้วก็ยังมีค่าธรรมเนียมการกดเงินสดอีก 3% พร้อมด้วยภาษีอีก 7% ด้วยค่ะ ดังนั้นจึงขอแนะนำให้คุณได้นึกถึงเป็นวิธีสุดท้าย และขอเป็นภาวะฉุกเฉินจริงๆเท่านั้นค่ะในการใช้วิธีนี้เพื่อแก้ปัญหาเงินขาดมือ
บอกลาปัญหาเงินขาดมือ ด้วยการเริ่มต้นวางแผนการเงิน
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ ”3วิธีแก้วิกฤติเงินขาดมือด้วยสินเชื่อ” ที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ คงพอทำให้เห็นลู่ทางในการเลือกขอสินเชื่อก่อนตัดสินใจกันได้บ้างนะคะ ปัญหาเงินขาดมือแม้อาจเกิดขึ้นได้ในแต่ละช่วงชีวิตของทุกคนก็จริงอยู่ แต่การคิดหาวิธีป้องกันที่จะไม่ให้เกิดปัญหาก็ย่อมจะดีกว่าการมามองหาวิธีแก้ปัญหากันจริงไหมคะ การวางแผนการเงินคือเครื่องมือที่ดีที่สุดที่จะช่วยป้องกันปัญหาเงินขาดมือไม่ให้เกิดขึ้นได้ค่ะ ลองหันมาคิดเริ่มต้นวางแผนการเงินอย่างจริงจังเสียแต่วันนี้ เพื่อที่อนาคตจะได้ไม่ต้องคอยมองหาแหล่งเงินกู้มาใช้แก้ปัญหาเงินขาดมือน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดค่ะ
ภาสุระ
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะครับว่าเราสามารถที่จะกู้เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิตได้ด้วย แถมดอกเบี้ยต่ำกว่าสถาบันการเงินอื่นๆอีกด้วย น่าสนใจมากเลย เพราะถ้าเป็นบัตรกดเงินสดผมรับไม่ได้กับเรื่องดอกเบี้ยเลย ตอนนี้ผมทำประกันได้ประมาณเกือบสามปีแล้ว เดี๋ยวจะลองไปยื่นขอกู้ดูดีกว่าครับ ดีนะเนี่ยที่มาอ่านเจอพอดี กำลังอยากหาเงินมาลงทุนเพิ่มเติมเล็กๆน้อยๆ
Paan
เราเองก็สมัครบัตรเครดิตแล้วก็บัตรกดเงินสดไว้เพื่อใช้ในยามฉุกเฉินนี่ล่ะค่ะ บางทีไม่ใช่ว่าไม่ได้วางแผนการเงินของที่บ้านไว้นะคะแต่เหตุการณ์ฉุกเฉินหรือเรื่องไม่คาดฝันบางทีมันก็เกิดขึ้น เพราะไม่มีใครอยู่เฉยๆแล้วอยากจะเป็นหนี้คนอื่นหรอกนะคะ และส่วนตัวรู้สึกว่าบัตรเครดิตก็ตอบโจทย์แล้วก็ช่วยแก้ปัญหาตอนที่เราเงินขาดมือได้ดีที่สุดสำหรับเรา
น้ำหวาน
ปัญหาเงินขาดมือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับเราเกือบทุกคนเลยค่ะ บทความนี้ทำให้เห็นถึงแนวทางวิธีการแก้ปัญหา และวิธีที่จะช่วยให้เรามีสภาพคล่องในการใช้เงินที่ดีเยี่ยมได้อยู่ โดยเพียงแค่เราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการใช้เงินและการใช้ชีวิตของเราในบางอย่างเท่านั้น เราก็สามารถที่จะมีสภาพการใช้เงินที่จะเพียงพอต่อการใช้จ่ายของเราแล้ว
Napatsorn
เราสามารถกู้เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิตของเราเพื่อเอาไปใช้อย่างอื่นได้ด้วยเหรอคะ? เราคิดว่าการกู้เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิตมีไว้เพื่อคนที่ไม่มีเงินจ่ายค่าเบี้ยประกันแบบว่าปีนั้นสภาพการเงินไม่ค่อยดีไม่มีเงินพอจะมาจ่ายค่าเบี้ยประกันก็เลยให้กู้เงินจ่ายไปก่อนแค่นั้นซะอีกอะค่ะ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันเห็นว่าดอกเบี้ยถูกด้วย
วันชัย
ทั้งสาม อย่างเป็นวิธีที่ดีครับ แต่ ปัญหาคือ ผมเงินขาดมือจริงๆครับ แล้ว ทั้งสามอย่างที่ว่ามา ไม่ว่าจะเป็น ขอยืมขาก ประกันของเรา กดเงินสด หรือ ขอสินเชื่อ ทั้งสามอย่าง ที่กล่าวมา มันอยู่ไกลจากผม มากครับ ผมไม่มีทั้งสามอน่างที่บอกเลยครับ แบบนี้ ยังพอจะมี วิธีที่4 ไหมครับที่พอจะให้เงินในมือผมไม่ขาดนะครับ
Wannabe
ขอตอบคุณ วันชัยนะคะ คือว่าเราอาจจะยืมเงินคนในครอบครัวเรามาใช้ก่อนก็ได้ค่ะ แล้วก็ค่อยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินไป แรกๆก็อาจจะไม่ค่อยชินเพราะไม่ได้ใช้เงินมันส์มือ แต่ว่าเราก็ต้องห้ามใจซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็นบ้าง ตัดรายได้ที่ไม่จำเป็นออกไป เริ่มวางแผนการใช้เงินใหม่ค่ะ หลังจากนั้นพอตั้งตัวได้บ้างแล้วก็ทยอยคืนเงินคนที่ยืมมา เราเคยทำค่ะเลยมาแนะนำดู แฮะๆ
หิน
ถ้าเงินขาดมือแล้วทำยังไงเหรอครับ สำหรับผมเองการที่จะไปขอสินเชื่อตอนที่เงินขาดมือก็ไม่ทันการ ผมจึงวางแผนแบบนี้ครับก็โดยการที่ไปทำบัตรกดเงินสดเอาไว้ เพราะว่าสามารถที่จะกดเงินสดออกมาใช้ได้เมื่อไหร่ก็ได้ตามที่เราต้องการ ไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้ทุกเดือนนี้ครับ แค่เพียงมีไว้สำหรับในตอนที่ต้องการใช้เงินจริงๆ ทำได้ตอนที่ทำได้ครับจะได้ใช้ตอนที่ฉุกเฉิน
TubeYou
ฟังดูจากวิธีการแก้ปัญหาเงินขาดมือแล้วคงจะต้องยุ่งยากพอสมควรเลย จะเอาบทความตรงนี้เป็นข้อคิดนะคะ ว่าโตไปแล้วจะต้องวางแผนการเงินให้ดี ไม่ต้องรอตอนโตดีกว่า555 เริ่มจากตอนนี้เลยก็ได้ เพราะอันเนื่องมาจากเศรษฐกิจตอนนี้ด้วยค่ะ ไม่มีจะกินแล้ว555 ทั้งนี้ทั้งนั้นบทความนี้ใช้คำพูดที่อธิบายเข้าใจได้ง่ายมากก กอไก่ล้านตัวเลย
จุฬา
ใช่ๆ ไม่ทราบมาก่อนเลยว่าเราสามารถ ขอกู้วงเงินจาก ประกันที่เราทำได้ด้วย อันนี้ เป็นความรู้ใหม่จริงๆ ว่าแต่ทำไม ตอนที่เราซื้อประกันเขาไม่แจ้งเรื่องนี้ให้เราทราบบ้างนะหรือเขาไม่อยากให้เรากู้หรือเปล่า ตอนนี้ถ้าใครเข้ามาอ่านบทความนี้ ประกันต้องระแวงแล้วละคะว่าจะต้องทำยังไงถ้ามีคนมาขอกู้เงินจากประกัน แบบนี้คนแห่ขอกู้เยอะแน่ๆ
น้อย
เป็นความคิดที่ดีนะครับในการใช้ทรัพย์สินในการค้ำประกันเพื่อขอสินเชื่อ ก็เราคิดดูว่าใครๆก็ชอบสะสมทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือรถ แต่ในเมื่อมีทรัพย์สินแล้วก็ไปทำให้เกิดความน่าเชื่อถือในการขอสินเชื่อสิครับ วิธีนี้ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยและมั่นใจว่าจะได้รับบริการอนุมัติเงินสำหรับสินเชื่อด้วย แล้วปกติคนก็ต้องมีกันอยู่แล้วสำหรับบ้านและรถเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์สิครับ
ธนา
@น้อย มันดีจริงๆหรอ? ในช่วงที่เราเงินขาดมือก็มีปัญหาเรื่องเงินอยู่แล้วแต่การจะสร้างหนี้มากขึ้น มันไม่ใช่ว่าจะแย่ลงหรอ? แล้วยิ่งถ้าเราอยากจะขอสินเชื่อเราได้รับอนุมัติ บางครั้งถึงกับจะต้องใช้ทรัพย์สินหรือของมีค่าเพื่อเป็นหลักค้ำประกัน หรือใช้บุคคลค้ำประกัน ผมว่าปัญหามันจะเพิ่มจาก 1 เป็น 2 เป็น 3 นะ มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ?
ศักดิ์ชาย
เข้าทาดีนะครับให้กู้เงินจากประกันชีวิตของเรา ไม่เคยคิดมาก่อนเลยครับว่าทางประกันชีวิตเราสามารถที่จะขอกู้เงินได้ด้วย ส่วนใหญ่ได้ยินแต่ว่าขอเวนคืนเงินประกันชีวิตอย่างเดียวเลยครับ แต่ผมขอทราบเพิ่มได้ไหมครับ ว่าในกรณีอย่างผมซื้อประกันชีวิตตอนนี้ส่งมาได้3ปีแล้ว แต่สัญญาระบุเอาไว้ที่ 20 ปี ไม่ทราบว่าแบบนี้พอที่จะขอกู้ได้ไหม
Cho
ผมคิดว่าคำแนะนำในบทความนี้มันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุทั้งนั้นเลยนะครับ แล้วมันก็แก้ปัญหาไม่ได้จริงๆหรอกสำหรับบางวิธี เพราะว่าแต่ละวิธีก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทันทีต้องใช้เวลา ไม่ว่าจะขอสินเชื่อจากธนาคาร กู้เงินกรมธรรม์ประกันชีวิต หรือการเอาหลักทรัพย์ไปค้ำประกันเพื่อขอสินเชื่อ วิธีเหล่านี้มีแต่จะยิ่งสร้างปัญหาทางการเงินทั้งนั้นเลยนะ ผมว่าเรามาแก้ที่ต้นเหตุปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินดีกว่า