พรบ. ประกันภัยรถยนต์ ต่างกันอย่างไร
พอดีว่าเพิ่งมีโอกาสได้เช็คประกันภัยรถของตัวเอง อยากสอบถามว่า พรบ. และ ประกันภัยต่างกันยังไงคะ ถ้าในกรณีที่มีแค่ พรบ. และภาษี ส่วนประกันขาดไปแล้วยังสามารถใช้รถในแต่ละวัน จนกว่า พรบ. และภาษี จะหมดได้ไหมคะ
เลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินอะไรดีนะ..
คุยกับที่ปรึษาทางการเงินโดยตรงและรับข้อเสนอที่เหมาะกับคุณ
รับคำปรึกษาฟรี
Nattayot
พรบ. ก็คือประกันภัยเหมือนกัน แต่เป็นประกันภัยภาคบังคับ คือกฎหมายบังคับว่ารถทุกคันต้องทำ เพื่อคุ้มครองคน ไม่ว่าจะเป็นผู้โดยสาร คนขับ รึบุคคลภายนอกรถ คุ้มครองที่ว่าคือการจ่ายค่ารักษาพยายาบาลนะครับ แต่ไม่รวมถึงค่าขาดผลประโยชน์ค่าทำขวัญหรืออะไรทำนองนั้น วงเงินเบื้องต้น 3หมื่นบาท จริงๆได้มากกว่านั้น ประมาณ8หมื่นถึงแสน แต่แล้วแต่อาการบาดเจ๊บและความเสียหายต่อร่างกาย (พิการ) อันนี้ต้องไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเอาเองนะ ไม่ซื้อพรบ.ก่อน ไปต่อภาษีไม่ได้ แต่ถ้ารถเก๋ง แค่ปีละ645เอง เกินคุ้ม
Bunbongkarn
ประกันภัยของรถ หรือเราเรียกติดปากว่าประกันรถ ก็คือประกันภัยภาคสมัครใจ ที่เจ้าของรถ จะทำหรือไม่ทำก็ได้ วงเงินและความคุ้มครอง ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์ที่ทำ แต่โดยทั่วไปถ้าประกันชั้น1 คือคุ้มครองทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถ และความเสียหายของทรัพย์สินคนอื่นที่เกิดจากตัวรถ รวมถึงคุ้มครองคนด้วย เช่นคุณไปชนรั้วบ้านคนอื่นพัง แถมมีคนเจ็บ ประกันก็ต้องจ่ายค่าซ่อมรั้วแทนคุณ และจ่ายค่ารักษาพยาบาลค่าทำขวัญให้คู่กรณีด้วย
เพียว
คือประกันภัยรถยนต์เนี่ย เป็นสิ่งที่เราเลือกได้ว่าเราจะทำหรือไม่ทำค่ะ ถ้าทำเราก็ได้รับความคุ้มครอง แต่ถ้าไม่ทำพอเกิดอุบัติเหตุเราก็ต้องจ่ายเอง แต่ว่าพรบ.แล้วก็ภาษีเป็นสิ่งที่ต้องทำตามกฎหมายค่ะ ซึ่งนั่นแสดงว่าถ้าเราขับรถยนต์บนถนนเนี่ยต่อให้เราไม่ทำประกันภัยรถยนต์แล้วก็ยังใช้รถยนต์ของเราขับได้แต่ถ้าเราไม่ต่อพรบแล้วก็ไม่ได้จ่ายภาษีรถยนต์เนี่ยเราใช้ถนนของรัฐไม่ได้ขับรถออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ค่ะ
วสิน
ผมเป็นคนหนึ่งครับที่จำเป็นต้องทำพรบทุกปีจากรถยนต์ที่ผมมี ก็ต้องทำเอาไว้นะครับอย่างน้อยเป็นบริการที่ดูแลเราถ้าเกิดอุบัติเหตุชนคนเสียชีวิตหรือบาดเจ็บก็จะได้รับค่ารักษาพยาบาลช่วยเหลือ แตกต่างกันนะครับประกันภัยรถยนต์ก็ต้องทำเอาไว้เหมือนกันเพราะว่า ไม่รู้จะทำไปทำไมแต่คนในครอบครัวบอกว่าให้ทำเอาไว้เถอะเผื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะได้มีค่าใช้จ่ายซ่อมรถ
ปุยฝ้าย😍😍
ขับรถเป็นประจำก็ควรทำประกันภัยรถยนต์ไว้นะคะ ถึงแม้เราจะพยายามระมัดระวังและขับรถดีแค่ไหนแต่คนอื่นที่ขับรถบนท้องถนนเราไม่รู้ว่าเขาพยายามทำแบบเราหรือเปล่า ถึงได้มีข่าวทุกวันว่าเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวกัน รถชนกัน อยู่ทุกวัน แล้วเราก็เลือกได้ด้วยว่าจะทำประกันชั้นไหน จ่ายเบี้ยประกันไหวที่เท่าไหร่ สามารถเลือกเองได้ค่ะ
บอส
ขาดไม่ได้ครับ ขาดไม่ได้สักอย่างของมันต้องมีคู่กันครับผม เพราะเมื่อเกิดอุบติเหตุขึ้นมา พรบใคุ้มครองรถกับเรา แต่ประกันรถจะคุ้มครองคู่กรณีให้ด้วย แถมมีวงเงินคุ้มรองรถให้เราเพิ่มด้วย เพราะลำพัง พรบ.อย่างเดียวไม่พอซ่อมรถหรอกครับ มันน้อยไป ดังนั้นถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งขาดควรต่อให้ครบครับ ซึ่งปกติมันก็จะหมดอายุพร้อมๆกันนะ
MiMi
@เพียว ประกันรถยนต์เราเลือกได้ด้วยหรอว่าจะไม่ทำ เพิ่งจะรู้นะเนี่ย นึกว่าจะต้องทำประกันรถยนต์ตามกฎหมาย ส่วนพรบรู้อยู่แล้วว่าจะต้องทำแล้วก็ต้องต่อปี แต่ที่คุณบอกมามันก็จริงนะถึงแม้เขาไม่ได้บังคับแต่การมีประกันรถยนต์ออกไว้ก็ อุ่นใจมากกว่า เพราะว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ความเสียหายมันค่อนข้างมีมูลค่าสูง ตั้งค่าซ่อมรถค่ารักษา
//ปลื้ม//
ทุกอย่างที่เจ้าของกระทู้ถามมามันเป็นของที่ต้องมีครับ เรื่องรถ เรื่องการขับขี่บนท้องถนน โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุมีอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น การเตรียมพร้อมในทุกๆอย่างจึงสำคัญมากครับ ดีที่สุด คือ มีทุกอย่างที่คุณถามมา และให้มีแบบที่ยังไม่หมดอายุด้วยนะครับ หลายคนชอบบอกว่า อ้าว!หมดอายุแล้วเหรอ ไม่รู้อะไม่ได้ดูเลย..ก็ดูบ้างสิครับ
Real
ถ้าใครอยากได้ ความหมายหรือคำอธิบายว่าพรบ.กับประกันรถยนต์ต่างกันยังไงเนี่ย ผมขอแนะนำให้อ่านบทความของเว็บไซต์นี้นะครับ คือเขามีบทความด้วยที่อธิบายว่าพรบกับประกันรถยนต์ต่างกันยังไง จะได้เข้าใจรายละเอียดมากขึ้นนะครับ ลองค้นหาได้นะมีหลายบทความเกี่ยวกับเรื่องประกันรถยนต์แล้วก็พรบปงานแล้วได้ความรู้มากขึ้นเลยครับ
แรมโบ้
@บอส ใช่ครับ สำคัญทั้ง 2 อย่าง ดีแล้วครับที่ไม่รู้แต่ก็มาถาม ถ้าคนมีรถยิ่งต้องรู้ ต้องรู้เกี่ยวกับผลประโยชน์และสิทธิ์ของพรบ แล้วก็ ประกันรถยนต์ที่คุณซื้อให้ดี โดยเฉพาะเบอร์โทรติดต่อ Call Center เงื่อนไขกรมธรรม์ควรมีติดตัวต่อไว้นะครับ เอกสารภาษีและพรบก็ไม่ควรให้ขาด ขับรถทั้งทีไม่ใช่แค่คาดเข็มขัดนิรภัยนะ ต้องตรวจเช็คหลายๆเรื่อง