เพราะการออมเงินเป็นวิธีที่จะทำให้เรามีสถานะทางการเงินที่มั่นคง เป็นหลักประกันการใช้จ่ายในอนาคต และยังเป็นวิธีที่จะทำให้เงินของเรางอกเงยได้อีกด้วย แต่หลายคนยอมรับจริงๆว่า การเก็บเงินให้ปลอดภัยจากตัวเราเองนี่แหละที่ยากตั้งแต่เริ่มออม ทำไม?? เงินอยู่กับเราก็ต้องปลอดภัยแล้วสิ!! คำตอบคือ เมื่อก่อนใครที่ต้องการเก็บเงินก็มักจะนำเงินไปฝากธนาคาร เงินจึงอยู่ห่างจากมือเรา ยากต่อการนำออกมาใช้ แต่ปัจจุบันการใช้จ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชั่น หรือ Internet Banking ต่างๆ สะดวก รวดเร็วขึ้นยิ่งกว่าการใช้จ่ายด้วยเงินสดจริงๆ อีก ถ้าอย่างนั้น เราจะเก็บเงินอย่างไรให้ปลอดภัยจากเราและยังทำให้เงินเก็บเราเติบโต สามารถเป็นแหล่งผลิตเงินปันผล และเงินก้อนให้กับเรายามเกษียณได้อีก เราจึงควรเช็คลิส 6 วิธีเก็บเงินให้ปลอดภัยอย่างฉลาดๆ และเริ่มเก็บออมตั้งแต่ที่ยังมีแรงทำงาน เพื่ออนาคตกันดีกว่า
เปิดบัญชีเงินฝากประจำ
วิธีการแรก ที่อยากจะแนะนำว่าเป็นการเก็บเงินที่ดีที่สุด คือ ‘ ลองลืมไปเลยสิว่าเคยมีเงิน!’ ง่ายๆ เมื่อเงินเดือนเข้าบัญชีปุ๊บ เราลองบังคับให้ทางธนาคารตัดเงินออมเข้าบัญชีธนาคารอีกบัญชีหนึ่ง เรียกว่า บัญชีฝากประจำได้ วิธีนี้เหมาะจริงๆ สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นออมเงิน และคิดว่าตัวเองยังไม่มีความรู้ในการลงทุนมากนัก เนื่องจากมีสภาพคล่องสูงกว่า ความเสี่ยงที่ต่ำมาก แต่อาจมีผลตอบแทนต่ำด้วยเช่นกัน แต่ก็นับเป็นการเริ่มสร้างวินัยอย่างแท้จริง โดยการตัดบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ (บัญชีเงินเดือน) เข้าบัญชีฝากประจำทุกๆเดือน โดยแนะนำให้เปิดเป็นบัญชีเงินฝากประจำปลอดภาษีไว้ด้วยยิ่งดี เพราะจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ และไม่ถูกหัก ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% เหมือนเงินฝากประจำทั่วๆไป และเมื่อเราทำตามเงื่อนไขที่กำหนด สะสมไปเรื่อยๆ สบายๆ พร้อมศึกษาการลงทุนอื่นๆควบคู่กันไปด้วย โอกาสที่จะมีแหล่งเงินทุนที่ให้ผลตอบและกำไรในอนาคตก็อยู่ไม่ไกลแล้ว
ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
อสังหาริมทรัพย์สมัยนี้ มีทั้ง บ้าน ที่ดิน คอนโดมิเนียม อพาร์ทเม้นท์ โรงแรม และอีกมากมายให้เราลองเริ่มศึกษาให้รู้จริงเป็นอย่างๆได้ อาจเริ่มจากเล็กไปหาใหญ่ จากง่ายไปหายาก เช่น อพาร์ทเม้นท์ ที่เป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงน้อย พอเริ่มมีประสบการณ์ก็ค่อยๆ เริ่มลงทุนในทรัพย์สินที่ใหญ่ขึ้น และมีความเสี่ยงสูงขึ้นตามลำดับได้ เพราะการที่เราค่อยๆ เรียนรู้แบบนี้พอยิ่งมีความรู้และความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ก็จะทำให้มีความเชี่ยวชาญในทรัพย์สินนั้นๆ และมีโอกาสหารายได้จากทรัพย์สินนั้นๆ ได้มากขึ้นด้วย. โดยการลงทุนด้วยอสังหาริมทรัพย์แบบนี้ มีวิธีที่เรียกว่า การผ่อนแรง (Leverage) ในการลงทุนด้วย คือการลงทุนโดยใช้เงินคนอื่น (OPM) ที่เราสามารถกู้เงินธนาคารมาลงทุนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือนมีโอกาสกู้เงินได้มากถึง 70-80 เท่าของเงินเดือนเลยทีเดียว และเมื่อเทียบกับการลงทุนด้านอื่นๆ จะพบว่าอสังหาฯ จะมีความผันผวนของราคาน้อยกว่ามาก จึงทำให้สามารถความคุมความเสี่ยงได้ง่ายกว่าด้วย
ซื้อกองทุนรวมในเงินฝาก และตราสารหนี้
ถือว่าวิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีความรู้ด้านการลงทุนขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้วด้วย เพราะกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) คือ กองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในเงินฝากหรือตราสารหนี้ที่มีกำหนดชำระเงินต้นเมื่อทวงถาม และมีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี , กองทุนรวมตราสารหนี้ (General Fixed Income Fund) คือ กองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ประเภทต่างๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง หุ้นกู้ของภาคเอกชน เป็นต้น ซึ่งการลงทุนประเภทนี้มีความเสี่ยงที่ต่ำมาก และมีอัตราผลตอบแทนคาดหวังสูงกว่าการฝากประจำได้จริงๆ ถ้าใครสนใจก็สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารใกล้บ้าน และสามารถขอคำแนะนำในการเลือกกองทุนให้เหมาะสมเป้าหมายผลตอบแทนและความเสี่ยงของเราได้ทันทีเมื่อโอกาสมาถึง
ลงทุนกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
จริงๆว่ามนุษย์เงินเดือนบางคนอาจพลาดจุดนี้โดยไม่รู้ว่าเราสามารถสะสมเงินสำรองเหล่านี้ได้ในอัตราที่สูงกว่าปกติได้ด้วยเพราะกฎหมายกำหนดให้สะสมได้สูงสุดในอัตรา 15% ของเงินเดือนได้ ซึ่งสามารถเลือกสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้ตั้งแต่ 2-15% แต่แนะนำว่าใครที่ไหวให้ใช้เต็มสิทธิ์ที่ 15%ไปเลยรับรองคุ้มกว่าและบางแห่งยังได้รับสมทบจากนายจ้างอีกด้วยที่สำคัญเงินก้อนที่จะลงทุนนี้ควรเป็นเงินเย็นหรือเงินก้อนที่ไม่ได้ใช้แน่ๆเพราะเงินก้อนนี้จะถูกตัดก่อนที่จะเข้าบัญชีเราไปเลย และสามารถเลือกแผนการลงทุนในกองทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เราต้องการได้ด้วย. ถ้าความอดทนดีก็รับรองว่าเกษียณมาสบายแน่ๆโดยเฉพาะใครที่ทำงานและมีสวัสดิการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับเอกชนหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราช(กบข.)สำหรับข้าราชการไว้ให้พนักงานสร้างวินัยในการออมเงินและลงทุนระยะยาวล่ะก็ลองเก็บเงินไว้ใช้แบบที่ปลอดภัยจากมือเราในตอนนี้แต่มีความสะดวกสบายในยามเกษียณลองดูได้ นอกจากนี้ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) ยังสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
ลงทุนในหุ้นสามัญ
แม้จะมองว่าวิธีนี้เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างมากแต่อัตราผลตอบแทนก็คาดหวังได้สูงมากเช่นกันจึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้และมีประสบการณ์ด้านการลงทุนมาในระดับหนึ่งแล้ว ไม่ใช่มือใหม่.โดยมีหลักการ คือ การเลือกออมหุ้นรายตัว แบบว่าตัดบัญชีซื้อหุ้นตามจำนวนเงินที่เรากำหนดในทุกๆเดือน เช่น ซื้อหุ้น AAA จำนวน 1,000 บาท ทุกวันที่ 5 ของทุกเดือน จุดสำคัญที่ควรใส่ใจคือ การเลือกหุ้นให้ดี แนะนำให้เลือกหุ้นที่มีกิจการที่ดี มั่นคง มีอนาคต สามารถมองเห็นการเติบโต และลงทุนได้ในระยะยาว นอกจากนี้ควรมีการกระจายความเสี่ยงไปในหุ้นหลายตัว หรือหลายอุตสาหกรรมเอาไว้ด้วย ทางที่ดีประมาณ 3-5 ต่างอุตสาหกรรมกัน โดยทยอยสะสมไปเรื่อยๆ เติบโตไปกับหุ้นเหล่านั้น ก็จะได้รับปันผลในระหว่างทาง ซึ่งเป้าหมายของการออมหุ้นควรตั้งเป้าระยะยาวเกิน 10 ปีขึ้นไปจะเห็นผลมาก แต่ควรจะตรวจสอบพอร์ตการลงทุนในทุกเดือนหรือทุกไตรมาส หากพื้นฐานหุ้นเปลี่ยนแปลงในทางแย่ หรือมีเหตุการณ์อะไรที่กระทบต่อพื้นฐานในระยะยาว ก็ค่อยๆปรับพอร์ท แก้ไขจัดการกันต่อไปได้ทีละจุด
อื่นๆ
สำหรับผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษี อยากลองแนะนำให้ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) หรือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กันเอาไว้ได้ แต่ผู้ที่ไม่ได้ต้องการสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีแล้วล่ะก็ อยากแนะนำการลงทุนในกองทุนรวมปกติ เนื่องจากจะให้อัตราผลตอบแทนคาดหวังที่สูงกว่ากับเราได้ โดยอาจซื้อเป็นเงินก้อนทีเดียว หรือแบ่งซื้อรายเดือนก็ได้ หรือแบ่งซื้อเป็นรายเดือนไปเลย เพื่อสร้างวินัยในการออมเงินและลงทุนระยะยาว ใครที่สนใจก็สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด หรือขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารใกล้บ้าน. และประกันสังคมก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยปกติแล้วมนุษย์เงินเดือนนายจ้างจะเป็นผู้นำส่งให้ หรือเราก็สามารถที่จะนำส่งเงินประกันสังคมได้เองเช่นเดียวกัน เป็นผู้สมัครใจตามมาตรา 39 เผื่อพบเรื่องราวต่างๆ คลอดบุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต เราก็มีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้เช่นเดียวกัน ถือว่าเป็นวิธีช่วยเราเก็บเงินจำนวนนึงๆเป็นประจำทุกเดือนๆให้เกิดประโยชน์ได้
สรุป
เราได้รู้ว่าทั้ง 6 วิธีที่แนะนำมานี้ หากเลือกได้ตรงกับแบบแผนในชีวิตเราอย่างดี และทำอย่างสม่ำเสมอแล้วล่ะก็ ถือว่าช่วยทำให้เราสามารถเก็บเงินได้ปลอดภัยจากตัวเราเองและยังเป็นการฝึกวินัยในการวางแผนการลงทุนและออมเงินได้อย่างมีระบบ เงินงอกเงยเติบโตได้ดีเลยล่ะ อีกทั้งในบางวิธียังสร้างกระแสเงินสดให้เราได้อย่างมากมาย ทั้งนี้ทั้งนั้น แต่ละวิธีก็มี ข้อดี ข้อเสีย ความเสี่ยง และผลตอบแทนต่างที่กันไป ไม่มีวิธีไหนดีที่สุดกับทุกคน แต่มีวิธีที่เหมาะสมกับแต่ละคนได้แน่ๆ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านพบวิธีการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเอง สามารถมีเงินเก็บออมได้ปลอดภัยจากมือเราแบบที่หยิบง่ายจ่ายคล่องเกินไป และเงินลงทุนได้เติบโตมากขึ้นๆ เพียงพอต่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ เพราะการออมเงินเป็นสิ่งที่เราเลือกทำเพื่อตัวเรา เพื่ออนาคตของเราเอง ไม่ใช่จำใจ กล้ำกลืนทำ เพราะเพียงใครๆบอกว่าต้องทำ ดังนั้น ต้องทำมันให้สำเร็จตามที่ตั้งใจ เพราะเราเห็นค่าของตัวเรา ควรมีชีวิตที่ดีแบบที่เราเลือก โดยมีเงินออมของเราดูแลเราในอนาคตนั่นเอง
น้ำตาล
อันตรายอย่างหนึ่งของเงินที่เรามีอยู่ก็คือตัวเราเองนั่นแหละค่ะ เพราะว่าคนที่จะใช้เงินนั้นได้ก็คือตัวเราเอง บทความนี้ช่วยเราที่จะปกป้องเงินที่เรามีอยู่ ด้วยการทำตามเคล็ดลับหรือวิธีการต่างๆที่บทความนี้ได้อธิบายมา จะได้ช่วยเหลือเงินของเราให้มีคงเหลือ และเก็บออมได้ง่ายขึ้น ถ้าไม่มีเงินไว้ใช้จ่ายสำหรับการลงทุนหรือทำธุรกิจในอนาคตอีกด้วย
Nonglak
เคยได้ยินแต่คำว่า "ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด" แต่สำหรับการเก็บเงินไว้ในบัญชีของเราเองจะกลายเป็น "ที่ที่ปลอดภัยที่สุดคือที่ที่อันตรายที่สุด" ทันที555 เพราะมันง่ายมากที่เงินจะออกจากบัญชีของเรา พอกด(เอทีเอ็ม)ปุ๊บ เงินออกปั๊บ เดี๋ยวนี้ออกง่ายมากขึ้นด้วยโอนเงินจากมือถือเราปุ๊บเข้าบัญชีคนอื่นปั๊บเลยค่ะ
มาร์ย
ให้เราเปิดบัญชี เงินฝากประจำ นะ เราพอไหวคะ แต่ถ้าให้ไปลงทุนอย่างอื่น คงไม่ได้จริงๆคะ แต่ถ้าเรามีเงินเดือนมากๆเราว่าเราก็น่าจะทำได้นะ แต่นี่เงินเดือนแค่ 2หมื่นบาท คงเอาไปทำอะไรได้ไม่มากหลอกคะ แต่ถ้าฝากแบบที่บอกเราก็ว่าดีนะเพราะบัญชีแบบนี้เรากำหนดระยะเวลาในการฝากได้ แถมถ้าครบแล้วเราได้เงินเป็นก้อน เราว่าแบบนี้โอเคนะ
ทุ่งหญ้าที่ว่างเปล่า
เราเองคือสิ่งที่อันตรายที่สุดสำหรับเงินของเรา ว่าไปแล้วก็ขำแต่มันคือเรื่องจริงนะ เพราะเงินของเราเราก็ใ้ชก็จ่ายอยู่คนเดียว จะเหลือจะหมดก็เป็นเพราะเราคนเดียวทั้งนั้นไม่ต้องโทษใครเลย แล้วมันก็ยากอยู่นะที่จะเก็บเงินในแบบที่ไม่ค่อยเอามาใช้อะ ก็เราเก็บเองเราก็รู้ว่าอยู่ตรงไหนไง นอกจากทำตามวิธีมีเรื่องนี้นะเอาไปฝากแบบถอนไม่ได้ดู เออน่าสน
นุ้งนิ้ง
โอ้ย...ขำชื่อบทความอ่ะ คิดได้ไงเนี่ย “วิธีดูแลเงินของเราให้เติบโตและปลอดภัยจากตัวเอง” ให้ปลอดภัยจากตัวเอง 5555 จะว่าไปมันก็เรื่องจริงเหมือนกันนะ...แอดมินก็เลยแนะนำว่าให้เอาเงินที่เรามีอยู่อย่าเอาไปใช้แต่ให้เอาไปลงทุนแทนใช่ม่ะ...แต่ก็อย่าลืมนะว่าการลงทุนก็ต้องศึกษาด้วย เดี๋ยวแทนที่จะมีเงินเก็บจะกลายเป็นหมดตัวแทน
ฝน
เพราะว่าเดี๋ยวนี้การเปิดบัญชีเงินฝากประจำไม่ค่อยให้ผลตอบแทนเท่าไหร่แล้วนะ เพราะว่าบัญชีเงินฝากประจำ ดอกเบี้ยที่ได้จากบัญชีพวกนี้ที่แต่ละแต่ละธนาคารให้น่ะมากสุดก็ไม่เกิน 3 เปอร์เซ็นต์ต่อปี 3 เปอร์เซ็นต์ต่อปีนี้ยังดีนะบางทีให้แค่ 1% หรือ 1.5 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ น้อยเอามากๆแล้วว่าถ้าจะเปิดบัญชีเงินฝากประจําเพื่อกินดอกเบี้ยยังไงก็ไม่คุ้มเอาไปลงทุนกับพวกกองทุนยังว่าดีกว่าเลย
จิณัฐตา
หมายถึงป้องกันเราเอาเงินมาใช้แบบไม่คิดใช่ไหมคะ ปกติแล้วที่เราทำคือเราเอาเงินออมของเราแล้วก็เงินอื่นๆที่เราได้จาก% การทำงาน ไปเปิดบัญชีอีกบัญชีหนึ่งคะ เป็นบัญชีเงินฝากประจำนะคะ เพราะได้ดอกเบี้ยมากกว่า ออมทรัพย์คะ แต่ไม่ได้มากเท่าไร เราเลือกฝาก 20ปีคะ โดยเงือนไขคือฝากได้แต่ถอนไม่ได้ ต้องให้ครบ20ปีถึงจะถอนได้ ตอนนี้ก็ได้มา8ปีแล้วคะ
มะเหมี่ยว
ศัตรูอย่างนึงที่มีผลต่อเงินที่อยู่ในกระเป๋าของเราก็คือตัวเราเองงั้นเหรอคะ ก็อาจจะใช่เพราะคนที่จะสามารถใช้เงินของเราได้ก็มีแต่ตัวเราเอง ถ้าเราไม่หักห้ามใจแล้วไม่คิดให้ดีก่อนใช้เงินเงินก็จะหมดแล้วส่วนไปได้แล้วค่ะ แต่ในทางตรงกันข้ามนะคะการที่เราใช้เงินของเราไปเพื่อตัวเราเอง ก็เป็นความฉลาดอย่างนึงนะคะ เพราะว่าดีกว่าคนอื่นเอาไปใช้แทน
วันชัย
ที่บอกมาเกี่ยวกับการบริหารเงิน ทั้ง 6อย่างที่คุณบอกมา มันก็ดีนะครับ แต่ตอนนี้อ่านเอาความรู้อย่างเดียวเลยครับ จะเอาไปลงทุนตามที่บอก คงยากครับ เอาง่ายๆเลยครับดูอย่าง ตลาดหุ้นตอนนี้สิครับ ขึ้นๆลงๆ แบบ นี้ไม่ไหวครับ นักลงทุนหลายคน ก็ออกมาบอกนะครับ ว่าการลงทุนช่วงนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างเสี่ยง ขนาดเขายังบอกแบบนั้น แล้วผมจะกล้าเหรอครับ