กรณีไม่เป็นโรคร้ายแรงได้รับเบี้ยประกันคืนไหมครับ

เอาแบบนี้แล้วกันคะ ไม่ทราบว่าพ่อ กับ แม่คุณมีความเสี่ยงที่จะต้องเข้ารับการรักษาเร็วๆนี้ไหมคะ ถ้าคำตอบคือใช่ กรักันสุขภาพตัวนี้ก็นับว่าเหมาะเลยคะ เพราะดูจากเรื่องการคุ้มครอง มีจ่ายทั้งค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าหมอรักษา คือ แทบที่จะคุ้มครองทุกอย่างเลยจริงๆคะ ถ้าคุณสนใจก็ต้องรับๆทำนะคะ เพราะประกันพวกนี้เขามีระยะเวลารอคอยด้วยนะคะ

ไม่ทราบว่าเป็นห่วงเรื่องโรคร้ายแรงอะไรเป็นพิเศษ ้เหรอครับ จริงๆแล้วแบบที่เพื่อนๆบอกนะครับว่าเขามีเรื่องการคุ้มครองโรคร้ายแรงเยอะนะครับ แต่ในเวบหรือในเอกสารเขาไม่ค่อยพูดถึงเท่าไรครับ ถ้าคุณสนใจเรื่องนี้จริงๆ ติดต่อมาทางผมได้นะครับ ผมมีตัวแทนที่ขายประกันนี้อยู่นะครับ พอดีรู้จักกันครับ ผมอาจไปถามแล้วมาให้คำตอบได้นะครับ

ประกันส่วนใหญ่แล้วเขาจะมีอย่างหนึ่วที่เรียกระยะเวลารอคอยคะ คือเป็นเรื่องของการให้ประกันทำงานได้อย่างเต็มที่คะ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ3-4เดือนคะ ถึงสามารถได้รับการคุ้มครองทุกอย่างที่เขาบอกคะ แต่ถ้า ท้องเสีย หรือว่าเป็นไข้ธรรมดาๆไม่ต้องกังวลไปคะ โรคเล็กๆน้อยๆแบบนี้ทางประกันเขาคุ้มครองให้เราคะ นี้ถ้าไม่ถึงระยะเวลาที่เขากำหนดแล้วเป็นโรคร้ายแรงนี้อารมณ์เสียเลยนะคะ

คิดอยากจะทำประกัน ก็อายุเยอะเกินไปแล้วครับ ผมไม่แนะนำครับที่จะซื้อประกันแบบนี้ครับ เพราะว่าถ้าเกิดคุณซื้อขึ้นมา ค่าเบี้ยประกันจะต่างจากราคาปกติมากเลยครับ เอาง่ายๆครับ คือไม่คุ้มเลยครับ ผมว่าตอนนี้คนแก่ถ้าจะซื้อประกันผมคิดว่าน่าจะซื้อพวกประกันอุบัติเหตุน่าจะดีกว่านะครับ คนแก่ๆอายุมากแล้วมักมีอุบัติเหตุบ่อยนะครับ

@Vinit2344 เรื่องการตัดสินใจจะทำประกันมันก็พูดยากนะคะ แต่ละคนมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนั้น โรคนี้ต่างกัน เนื่องจากพันธุกรรมหรือการดำเนินชีวิต ต่อให้ค่าเบี้ยประกันมันจะแพง แต่ถ้าคนนั้นมีความเสี่ยงหรือม่ีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคบางอย่างเขาก็ต้องทำประกันไว้ก่อนน่ะค่ะ อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเรา ไม่รู้คนอื่นคิดยังไง

@Like_this ใช่เลยครับ ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน ข้อยกเว้นของประกันสุขภาพก็มักจะมีประมาณนี้ เป็นเหมือนเงื่อนไขสำคัญนะที่คนทำประกันสุขภาพต้องยอมรับ ถ้าคุณปกปิดข้อมูลถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงนะเสียหายมาก นอกจากจะไม่ได้รับความคุ้มครอง ก็ยังเสียเบี้ยประกันเปล่าด้วย ก็เลยเวลาทำประกันสุขภาพให้ข้อมูลจริงๆดีกว่าครับ

เพิ่งอายุ 42 ปีเอง เจ้าของกระทู้มีปัญหาเรื่องสายตาและหูแล้วเหรอคะ เรื่องทำประกันชีวิตก็เรื่องนึงนะ ส่วนเรื่องการไปหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเราคิดว่าเจ้าของกระทู้ต้องรีบไปโดยด่วนค่ะ ตัวคุณเองเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกายแล้ว จริงๆก็ดีนะคะ คุณจะได้ไปพบคุณหมอเฉพาะทางได้เลย รีบไปนะคะ

ถ้าเจ้าของกระทู้จะสนใจประกันสุขภาพแฟมิลี่ แคร์ ของเอฟดับบลิวดี ขนาดนี้ ผมว่าติดต่อไปทางบริษัทเพื่อคุยกับเจ้าหน้าที่เลยดีกว่าครับ ไม่ได้ประชดนะ แต่รายละเอียดพวกนี้ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทจริงๆเท่านั้นอะถึงจะรู้ เพราะว่าจะต้องมีเงื่อนไขต่างๆนานาอีกแน่นอนครับ กว่าบริษัทจะจ่ายเงินให้ต้องมีเงื่อนไขอยู่แล้ว

เจ้าของกระทู้ทำสัญญาเพิ่มเติม อีลิท เฮลท์ เมืองไทยประกันชีวิตไว้นานแค่ไหนแล้วครับ นานจนลืมไปแล้วว่าสามารถเบิกค่ารักษาทางทันตกรรมได้หรือเปล่า ถ้าเบิกได้ก็รีบไปทำเลยครับ วงเงินเท่าไหร่ก็ไม่รู้นะครับ ยังไงก็ใช้ให้ครบ ใช้ให้คุ้ม การรักษาหรือการให้บริการทางทันกรรมมีเยอะมาก ลองไปหาหมอดูเถอะ ได้ทำหลายอย่างแน่ครับ

เรื่องการลงชื่อผูรับผลประโยชน์จากเงินกรมธรรม์ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะครับ เมื่อก่อนผมคิดว่า ใส่ชื่อคนที่บ้านน่ะแหละ คนในครอบครัวน่ะ ใครก็ได้ แต่ถ้าผู้รับผลประโยชน์เป็นลูกของผู้ถือกรมธรรม์เอง ต้องคิดเยอะกว่านั้นมากจริงๆ ยิ่งลูกอายุยังน้อย ยิ่งต้องคิดว่าจะทำยังไงให้ลูกได้ใช้เงินจากประกันชีวิตของเรา ไม่ใช่คนอื่นเอาไปใช้

ที่ว่าการทำประกันสำหรับคนพิการจะแบ่งออกเป็นสามกลุ่มอย่างที่มีคอมเมนต์นึงมาบอก หมายความว่ายังไงเหรอครับ เมื่อแบ่งกลุ่มแล้วจะรู้ว่าสามารถทำประกันอะไรได้บ้าง..อย่างนั้นหรือเปล่า เพราะว่าประกันมีหลายประเภท ซึ่งกำหนดเรื่องเงื่อนไขไว้แล้วว่าบุคคลที่มีโรคประจำตัวหรือมีปัญหาทางด้านร่างกายบางอย่างอาจไม่สามารถทำประกันฉบับนั้นได้

ดีใจด้วยครับที่เจ้าของกระทู้ได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น มีเงินพอสำหรับการเพิ่มทุนประกันให้กับกรมธรรม์ของตัวเองด้วย ยังไงก็ดูเรื่องค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายเพิ่มด้วยนะครับ ต้องมากขึ้นแน่ๆอิงตามทุนประกันภัย แต่คิดว่าคุณคงจ่ายไหวอยู่แล้วถึงได้อยากเพิ่มทุนประกันภัย ยากนะ ที่จะได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นในช่วงนี้น่ะครับ