โสด สวย รวย มีอิสระ ! มีเพื่อนๆคนไหนอยากได้ชีวิตแบบนี้บ้างคะ ? ในทุกวันนี้หลายคนเริ่มมองว่า การเป็นโสด คืออิสระอย่างแท้จริง มีเพื่อนๆคนไหนเห็นด้วยกับความคิดนี้บ้างคะ? ส่วนตัวผู้เขียนเองก็รู้สึกว่า คนโสดมีอิสระในหลายๆเรื่องที่คนมีครอบครัวไม่มี แต่คนโสดก็มีอิสระจำกัดในบางเรื่องด้วยเหมือนกันค่ะ ถึงแม้ว่าคนโสดจะมีอิสระจำกัดในบางเรื่องก็ตาม แต่หลายคนในสมัยนี้ก็เลือกการใช้ชีวิตแบบคนโสดมากขึ้น! เพราะไม่มีภาระต่องรับผิดชอบจึงมีเงินเหลือเก็บ เลยใช้จ่ายตามที่ตัวเองต้องการจนเพลิน อาจจะทำให้บางคนลืมคิดถึงค่าใช้จ่ายสำหรับหลังเกษียณอายุไปเลย…

ในบทความนี้ ดิฉันอยากชวนเพื่อนๆที่เป็นโสดอยู่ในตอนนี้ และที่คิดว่าจะเป็นโสดตลอดไปมาคิดถึงการวางแผนทางการเงินเอาไว้ตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อรับมือกับสังคมผู้สูงอายุที่กำลังใกล้เข้ามา จากข้อมูลพบว่า คนไทยเรามีสุขภาพดีขึ้น อายุยืนยาวกว่าเมื่อก่อน นั่นก็แสดงว่าต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น ! ตามไปด้วย เพื่อเราจะรับมือได้เราต้องเข้าใจด้วยว่า สถานการณ์เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม, เราต้องมีค่าใช้จ่ายเมื่อไม่มีใครดูแล, ค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบ, และจะต้องออมเงินอย่างไรถึงจะพอใช้? ค่ะ ขอเพื่อนๆอ่านและพิจารณาไปทีละข้อว่า เราจะวางแผนให้รอบคอบได้อย่างไร?

สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม

สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม

เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ชีวิตความเป็นอยู่ของคนเราก็เปลี่ยนไปด้วย ในสมัยนี้มีหลายสิ่งเปลี่ยนไปรวดเร็วมากๆ จนบางครั้งปรับตัวตามแทบไม่ทัน โดยเฉพาะหลังจากมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด เราได้รับผลกระทบทั้งเรื่องเงิน งานอาชีพ สุขภาพ พฤติกรรมของคนส่วนใหญ่เปลี่ยนไป และเริ่มใช้ชีวิตในยุค New Normal อย่างสมบูรณ์แบบ ทุกอย่างต้องสะดวก รวดเร็ว ทันใจ จะทำธุรกรรมต่างๆทางออนไลน์ จะกินข้าวก็ใช้บริการเดริเวอรี่แทน เมื่อสภาพการณ์เปลี่ยน พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนเราก็ต้องเปลี่ยนตาม เพื่อตอบสนองความต้องการ และทำให้ชีวิต สะดวกสบาย เราต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ถ้าเราไม่วางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายอย่างรอบ และไม่มีการออมเงินเอาไว้ใช้หลังจากเกษียณเราอาจจะต้องเจอกับความยุ่งยากแน่นอนค่ะ

ค่าใช้จ่ายเมื่อไม่มีใครดูแล

ค่าใช้จ่ายเมื่อไม่มีใครดูแล

ในทุกวันนี้หลายๆประเทศกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ส่วนบ้านเราก็จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบเต็มตัวในอีก 2 ปี! ข้างหน้าแล้ว จำนวนผู้สูงอายุมีมากขึ้น เพราะคนสูงอายุส่วนใหญ่มีอายุยืน จากข้อมูลพบว่า หลังจากที่คนเราเกษียณอายุแล้วจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกประมาณ 20 ปี แหน่ะ!

การที่คนเรามีอายุยืนขึ้นก็เพราะมีสูขภาพร่างกายแข็งแรง เจ็บป่วยน้อยลง อาจจะเป็นเพราะว่า เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยทำให้การวินิจฉัยโรค และทำให้การรักษาพยาบาลทำได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น และอีกอย่างผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพ ออกกำลังเป็นประจำ กินอาการที่มีประโยชน์ พักผ่อนอย่างเพียงพอด้วย  เป็นแน่นอนว่า เมื่อเรามีอายุยืนขึ้นเราจะต้องมีค่าใช่จ่ายเพิ่มขึ้น ถึงแม้คนโสดจะไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายค่าการศึกษาของลูกแต่ค่าครองชีพคนโสดจะสูงกว่า! คนที่มีครอบครัวซะอีก เพราะไม่มีใครช่วยแชร์ค่าใช้จ่าย

ค่าใช้จ่ายสำหรับตัวเองเมื่อไม่มีคนดูแล ส่วนใหญ่จะเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือน ค่าใช้จ่ายกรณีเกิดเจ็บป่วยเป็นโรคเรื้อรัง อย่างโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเหล่านี้ต้องรักษาต่อเนื่องทำให้มีรายจ่ายประจำ ค่าดูแลรักษาสุขภาพเมื่อป่วยอื่นๆ ไหนจะค่าอาหารเสริม ค่าจ้างพยาบาล ผ้าอ้อม รถเข็น  ค่าประกันชีวิต ประกันรถยนต์ ค่าซ่อมรถ ซ่อมแซมและปรับปรุงบ้านเพื่อให้สะดวกเมื่ออายุมากขึ้น สำหรับบางคนที่ชอบเข้าสังคม ชอบบริจาค อาจจะต้องเตรียมค่าใช้จ่ายส่วนนี้เผื่อเอาไว้ด้วยนะคะ สำหรับบางคนอาจจะคิดถึงค่าใช้จ่ายในบ้านพักคนชราด้วยค่ะจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ต้องหาข้อมูลเผื่อเอาไว้ก่อนก็จะดีมากๆค่ะ

ค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบ

ค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบ

สำหรับคนโสดค่าใช้จ่ายสำหรับตัวเองก็ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว แต่คนโสดบางคนก็โสดแบบมีภาระค่ะ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็จำเป็นอย่างมาก เพราะเราต้องแยกออกมาจากค่าใช้จ่ายสำหรับตัวเอง เช่น ค่าใช้จ่ายในการดูแลพ่อแม่ในวัยชรา ทั้งค่าอาหาร ค่ายา ค่าอาหารเสริม หรือค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่ท่านเจ็บป่วยเรื่อรัง หรือพิการนอนติดเตียง ถ้าเราดูแลไม่ได้เราต้องจ้างคนอื่นมาดูแลแทนเราค่าใช้จ่ายเหล่านี้ค่อนข้างสูงและเป็นค่าใช้จ่ายต่อเนื่องระยะยาว ถ้าเราเป็นลูกคนเดียวคงต้องเตรียมค่าใช้จ่ายส่วนนี้เอาไว้มากพอสมควรค่ะ ส่วนบางคนอาจจะส่งหลานๆเรียนหนังสือ ซึ่งกว่าจะจบปริญญาตรีใช้เงินก้อนใหญ่ด้วยเหมือนกัน หรือบางคนดูแลญาติๆที่เจ็บป่วยหรือไม่มีใครดูแลอีกด้วยค่ะ

ออมเงินอย่างไรถึงจะพอใช้

ออมเงินอย่างไรถึงจะพอใช้

ออมเงินอย่างไรถึงจะพอใช้ถ้าเราต้องใช้ชีวิตในฐานะผู้สูงวัยนานขึ้น? ก่อนอื่นคุณต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าจะใช้เงินเดือนละเท่าไหร่หลังจากเกษียณ? เมื่อได้คำตอบแล้วต้องเริ่มวางแผนว่า เราต้องออมเงินเดือนละเท่าไหร่? การออมเงินมีหลายแบบแล้วแต่ว่าใครถนัดแบบไหน? สำหรับบางคนที่เก็บคนสดไม่อยู่อยากแนะนำ 2 วิธีค่ะคือ…

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

สำหรับคนโสดที่เป็นพนักงานมีเงินเดือนประจำถ้าบริษัทมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้เราควรจะเข้ากองทุนนี้ด้วย เพราะเป็นกองทุนสำหรับเอาไว้ใช้ยามเกษียณจริงๆ เราจ่ายเงินสมทบส่วนหนึ่ง และนายจ้างสมทบให้อีกส่วนหนึ่งเท่ากับว่าเรามีเงินออมทุกเดือนถึง 2 ส่วน กว่าเราจะกษียณเงินที่เราสมทบไปทุกเดือนก็จะกลายเป็นเงินก้อนใหญ่พอสมควรค่ะ

การทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์

วิธีนี้ถือเป็นการบังคับเราไปในตัวเพราะว่าเราต้องจ่ายเบี้ยประกันทุกเดือนจนกว่าจะครบสัญญา แต่ถ้าเราขาดส่งเราจะขาดทุนทันที เป็นเรื่องปกติของคนเราที่จะไม่ยอมทำอะไรที่ทำให้ตัวเองขาดทุนเพราะฉะนั้นเราจะพยายามจะพยายามทุกวิธีเพื่อจะไม่หยุดส่งค่าเบี้ยประกันเมื่อครบกำหนดเราจะได้เงินจำนวนที่เราต้องการแน่นอนค่ะ

การเตรียมตัวล่วงหน้าเอาไว้ยังไงก็อุ่นใจกว่า

การเตรียมตัวล่วงหน้าเอาไว้ยังไงก็อุ่นใจกว่า

พออ่านมาถึงตอนท้ายนี้เพื่อนๆที่เป็นโสดอยู่ในตอนนี้ และที่คิดจะเป็นตลอดไป ทั้งโสดสนิท และโสดที่มีภาระคงจะเริ่มเห็นอนาคตของตัวเองลางๆแล้วใช่มั้ยคะว่า เราจะยังคงมีเวลาใช้เงินอีกนานเลยทีเดียว เพราะว่าเราจะมีอายุยืนขึ้น และมีเวลาใช้เงินหลังจากเกษียณไปอีกเป็น 20 ปี ถ้า ไม่เริ่มลงมือวางแผนทางการเงินตั้งแต่ตอนนี้ระวัง! เงินเดือนที่มีอยู่ตอนนี้จะไม่พอใช้หลังเกษียณนะคะ

การที่เราคำนึงสภาพการณ์ที่เปลี่ยนไป ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น การเตรียมตัวให้พร้อมในเรื่องเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆไมว่าจะออมเงินโดยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ถือได้ว่าเป็นการวางแผนทางการเงินที่ฉลาดเพื่อรับมือกับสังคมผู้สูงอายุที่ใกล้มาเยือนได้ดีที่สุดค่ะ