เงิน 1,000 บาท เพื่อนเอาไปทำอะไรได้บ้าง? คงทำอะไรได้ไม่มากแล้วนะเดี๋ยวนี้ กดเงินออกมาติดตัว 1,000 บาท แป้ปๆก็หายไปแบบไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าใช้อะไรไปบ้าง เพราะอะไรบ้างที่เงิน 1,000 บาทที่คุณมีมันถึงไม่เพียงพออีกต่อไป น่าจะมาจากปัจจัยหลักสองอย่าง คือ การใช้จ่ายของคุณ กับ ราคาสิ่งของที่เพิ่มมากขึ้น คุณลองเอาเงิน 1,000 บาทมา แล้วเขียนใส่กระดาษว่าจะนำไปซื้อของใช้ในครัวเพื่อมาทำอาหารก็ได้ เช่น ซื้อน้ำมันพืช น้ำปลา น้ำตาล ซอสปรุงรส ซื้อเนื้อ ซื้อผัก ซื้อข้าวสาร ของต่างๆเหล่านี้เงินก็หมดไปครึ่งนึงแล้ว ส่วนอีกครึ่งนึงก็อาจจะต้องใช้จ่ายของกินจุกจิกในตลาด หรือเครื่องดื่มสุดท้ายก็เหลือแค่ไม่กี่บาท สรุปว่าเงิน 1,000 บาทไม่ถึงหนึ่งวันก็ใช้หมดได้แล้ว หรือพูดง่ายๆสำหรับเด็กวัยรุ่น มีเงิน 1,000 บาทเดินเข้าเซเว่นแป้ปเดียวก็ไม่เหลือแล้ว ถ้ายกตัวอย่างแบบนี้คงพอจะนึกออกใช้มั้ยคะ เพราะสอนค้าในเซเว่นนั้นมากมายหลายอย่างจริง น่าซื้อไปหมด และหลายคนก็เลือกซื้อของที่ไม่ค่อยจำเป็นสักเท่าไหร่เงินจึงหมดไปแบบไม่รู้ตัวเลย
แต่บทความนี้จะมาช่วยให้คุณสวนกระแสได้ และสามารถประหยัดเงิน 1,000 บาทอันมีค่าได้มากขึ้น เราจะมาพิจารณาเรื่องนี้ เช่น จะใช้อย่างไรให้คุ้มค่า?, การบริหารจัดการเป็นสิ่งสำคัญมาก, นอกจากค่าใช้ตจ่ายแล้วต้องมีเงินติดกระเป๋าด้วย มาพิจารณาด้วยกันค่ะ
ใช้อย่างไรให้คุ้มค่า?
นี่คงเป็นคำถามที่คุณคงอยากรู้คำตอบมากแน่ๆ ว่าจะใช้เงิน 1,000 บาทที่มีอย่างไรให้คุ้มค่า ก็กลับมายกตัวอย่างการซื้อของใช้ในครัวเช่นเดิม แต่คราวนี้ต้องมีการวางแผนเพิ่มสักหน่อย ให้พยายามนำเงินนี้ไปซื้อของที่จำเป็นแบบที่สามารถเก็บเอาใช้ได้นานๆก่อน เช่น น้ำมันพืช หรือ ข้าวสารซื้อทีเดียวหลายๆกิโลไปเลย หรือการซื้อไข่ไก่ไว้ติดบ้านเป็นแผง เป็นต้น ส่วนสิ่งของเล็กๆน้อยๆคุณก็ต้องพยายามหาซื้อจากแหล่งที่มีราคาถูกกว่า ถึงแม้ว่าจะถูกกว่ากันแค่ไม่กี่บาท แต่เมื่อรวมๆหลายอย่างแล้วนั้นก็เป็นเงินมากอยู่ ดังนั้นทุกอย่างแม้แต่สิ่งของเล็กน้อยก็ต้องมีการเปรียบเทียบราคาก่อนว่าที่ไหนถูกกว่า ยกตัวอย่างเช่น คุณซื้อน้ำมันพืชจากเซเว่นขวดใหญ่ขวดหนึ่งในราคา 45 บาท แต่คุณสามารถซื้อน้ำมันพืชขวดใหญ่แบบเดียวกันได้ที่ร้านอื่นในราคา 35 บาท เห็นมั้ยว่าถูกกว่ากันตั้ง 10 บาทแล้วคุณลองคิดดูนะ ถ้าราคาของทุกอย่างมันถูกกว่ากันที่เงินประมาณ 5 – 10 บาท ประมาณ 10 อย่าง ก็คงเป็นเงินหลักร้อยเลยนะคะที่คุณจะประหยัดได้ เมื่อทำอย่างนี้จะเห็นว่าเงิน 1,000 บาทของคุณจะเหลือไว้ใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแน่ๆ
ดังนั้นทุกวันนี้การใช้จ่ายทุกอย่างค้องมีการวางแผนในการใช้เงินให้มากๆ การใช้จ่ายทั้งเรื่องเล็กและใหญ่ต้องมีการวางแผน มีการจดบันทึก คิดก่อนการจ่ายเสมอเพื่อไม่ให้เงินที่อยู่หายไปแม่แต่บาทเดียว ให้คุณคิดว่ากว่าจะได้เงินมาเข้ากระเป๋านั้นยากเพียงไร เราจะยอมปล่อยให้มันออกไปง่ายๆได้ยังไงกันน่าเสียดายแย่ กว่าจะทำงานได้เงินมา ดังนั้นคนที่ไม่คิดแบบนี้ก็จะไม่ทันคิดและไม่ระวังการใช้จ่าย แล้วยิ่งทุกวันนี้มีบัตรเครดิตที่ทำให้การใช้จ่ายนั้นง่ายขึ้น จึงดูดเงินในกระเป๋าเราไปง่ายมากขึ้น แล้วยังทำให้เป็นหนี้ด้วย ร้อยทั้งร้อยคนที่มีบัตรเครดิตเป็นหนี้ทั้งนั้นรับรองได้ค่ะ จึงอยากจะออกมาเตือนเพื่อนให้ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง วางแผนการประหยัดในแบบที่ตัวเองถนัดก็ได้นะคะ การทำอย่างนี้ก็จะทำให้เงินที่ไม่ว่าเท่าไหร่คุ้มค่าแก่การใช้จ่ายมากขึ้น มีเงินใช้และไม่เป็นหนี้แบบนี้ก็สบายหายห่วงค่ะ
การบริหารจัดการเป็นสิ่งสำคัญมาก
การบริหารจัดการเรื่องเงินเป็นนิสัยที่ดีที่ทุกคนควรจะต้องมี และฝึกฝนให้ทำเป็นประจำ เพราะผลดีของการบริหารการเงินอย่างดีนั้นมันคุ้มค่าจริงๆ เพราะในอนาคตวันข้างหน้าคุณจะไม่เดือนดร้อนแน่ๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะคนที่เงินมากๆเท่านั้นที่ต้องมีนิสัยการบริหารเงิน แต่คนจนที่มีเงินน้อยก็สามารถที่ปลูกฝังนิสัยนี้ได้ด้วย เพื่อให้เงินที่มีน้อยนั้นมีการใช้จ่ายที่คุ้มค่ามากที่สุดและการบริหารจัดการเรื่องเงินนั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไปที่คุณก็สามารถทำได้เพื่อจะได้มีเงินเพิ่มพูนขึ้นมา วันนี้จะเน้นการลรอหารจัดการเงิน 1,000 บาทอย่างดีมาดูกันค่ะว่าบริหารอย่าไร
คุณอาจจะเริ่มต้นด้วยวิธีเบสิค คือ จดบันทึกรายรับ – รายจ่าย และจดอย่างละเอียดไปจนถึงรายจ่ายที่จะต้องจ่ายว่ามีราคาเท่าไหร่ด้วยค่ะ นี่เป็นวิธีเริ่มต้นที่ดีมากๆ แต่ก็มีความท้าทายในการจดบันทึกเหมือนกันนะ จะท้าทายตรงที่ว่าคุณจะสามารถทำอย่างต่อเนื่องได้นานแต่ไหน บางคนเริ่มต้นทำได้ดีในสองสามเดือนแรก หลังจากนั้นก็เลิกทำไป แต่คุณควรพยายามทำอย่างต่อเนื่องอย่างดี และตั้งใจให้มากๆและเมื่อทำไปนานๆแล้วก็จะชินไปเองนะคะ
ด้วยวิธีนี้การจัดการเงิน 1,000 บาทก็ไม่ยากเกินไปแค่ต้องอาศัยความส่ำเสมอต่อเนื่อง ในการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย แต่ก็ไม่ได้หมายความเงิน 1,000 บาทจะต้องใช้ทั้งเดือนแบบนั้นก็ไม่พอแน่ๆ แต่ก็ให้ใช้เงิน 1,000 บาทให้คุ้มค่าที่สุด อาจจะวางแผนการใช้งเนนั้นกับระยะเวาลาหนึ่งสัปดาห์ก็ได้ค่ะ พยายามว่าหนึ่งสัปดาห์จะใช้เงินไม่เกิน 1,000 บาท อะไรแบบนี้ค่ะ ถ้าคุณวางแผนดีดีจริง เมื่อผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เงิน 1,000 บาทอาจจะเหลือให้คุณเก็บออมด้วยซ้ำนะคะ ไม่เชื่อก็ลอดู
นอกจากค่าใช้จ่ายแล้ว เงินติดกระเป๋าก็ต้องมี
จริงอยู่ที่เงินติดกระเป๋าก็ต้องมี แต่ไม่ใช่ติดกระเป๋าเอาไว้ 1,000 บาทนะคะ คุณควรบังคับตัวเองโดยมีเงินติดกระเป๋าแค่ 100 – 150 บาท ต่อวันก็พอแล้ว เพื่อจะได้ไม่ใช้จ่ายเยอะเกินไป หากใช้อย่างประหยัดก็จะมีเงินเหลือด้วยนะต่อวัน สามารถนำมาเก็บออมได้อีกด้วย เพราะเงินติดกระเป๋านี้ไม่ใช่เงินที่จะเอามาใช้จ่ายซื้ออาหารแต่ละมื้อ เพราะส่วนมากอาหารแต่ละมื้คุณจะกินที่ทำงาน หรือที่บ้านอยู่แล้ว หลีกเลี่ยงการกินอาหารตามร้านได้ก็ดีค่ะเพราะไม่อย่างนั้นเงินติดกระเป๋า 100 -120 บาทต่อวันคงไม่พอแน่ถ้ากินข้าวตามร้านสามมื้อต่อวันค่ะ
สรุป
สรุปแล้วก็คือ เงิน 1,000 บาทอาจจะมีค่าน้อยลงกว่าเมื่อก่อนด้วยราคาสินค้าทีเพิ่มขึ้น แต่คุณสามารถวางแผนใช้ให้เพียงพอต่อสัปดาห์ได้วยการวางแผนอย่างดี ด้วยวิธีเบสิคคือการจดบันทึกรายรับ – รายจ่ายนั่นเอง การทำอย่างนี้จะทำให้คุณใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่าที่สุดค่ะ
จักรี
คนที่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอะนะเงิน 1,000 บาทครึ่งวันก็ใช้หมดแล้ว ลูกชายของฉันเป็นแบบนั้นเลยลูกอายุ 15 ปี ใช้เงินเก่งมากให้เงินไปไม่นานใช้หมดแล้ว แต่ก็พอเข้าใจได้แม้แต่ผู้ใหญ่เราเองเงิน 1,000 บาทแทบจะซื้ออะไรได้ไม่มากเลยยิ่งเป็นแม่บ้านซื้อของเข้าบ้านเนี่ยได้ไม่กี่อย่างเอง ถ้าไม่จดให้ดีดีก็คงไม่สามารถได้ของจำเป็นเข้าบ้านครบหรอก เงิน 1,000 บาทก็ต้องบริหารค่ะถึงจะคุ้มขอบคุณบทความนี้นะคะ
Lamom
ใช่เลยครับ เดี๋ยวนี้มีเงิน 1000 บาทในกระเป๋าก็ใช่ว่าจะใช้จ่ายซื้อของได้เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว ขอบคุณนะครับที่ทำให้เห็นวิธีการบริหารจัดการเงินในกระเป๋าตังค์ของเรา ถึงแม้ว่ายุคสมัยเปลี่ยนไป ราคาเงินบาทจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนหรือสินค้าจะแพงขึ้น แต่อย่าลืมที่จะคิดคำนวณในการบริหารจัดการเงินในกระเป๋าของเราไม่ว่ายุคสมัยไหนก็ต้องทำแบบนี้ครับ
น้ำหวาน
ดีเหมือนกันนะครับเป็นการวางแผนเพื่อที่จะสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า เพราะว่าเดี๋ยวนี้ค่าเงิน 1,000 บาทก็ไม่สามารถซื้อของได้เหมือนสมัยก่อนดูเหมือนว่าค่าเงินก็จะถูกลง ส่วนสินค้าหรือว่าของก็ดูเหมือนว่าจะราคาแพงขึ้นทำให้เราสามารถซื้อของได้ไม่เยอะเหมือนกับเมื่อก่อน บทความนี้ทำให้รู้วิธีที่จะใช้เงินได้อย่างคุ้มค่าตอบโจทย์ดีมากเลยค่ะ
ภูวิศ
ต้องมีเงินเดือนเดือนละเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อเดือน? คุณคิดยังไงกันครับ วิธีที่บทความนี้แนะนำมาใช้ได้และเกิดผลจริงครับ หากเราตรวจสอบราคาสินค้าก่อนซื้อและทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายอยู่เสมอ เราจะใช้เงินที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่าครับ แต่ก็นั่นแหละถึงจะพยายามทำอย่างนั้นแล้ว บางทีมันก็ไม่พอใช้ถึงสิ้นเดือนนะครับ
อรทัย
เรามีความคิดที่ต่างออกไปจากบทความนี้นะ เราว่า การซื้ออาหารทานนอกบ้านเป็นการประหยัดที่สุดแล้ว เพราะอะไรเราบอกแบบนั้น เอาง่ายๆ ถ้าเราทำอาหารสักจาน มันต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ต้องมี ข้าว+ วัตถุดิบในการทำอาหาร+ เครื่องปรุง ลองๆคิดดูว่า ถ้าเราไปตลาด จะซื้อหมู 10 บาทได้ไหม อย่างน้อยๆก็ต้องมากกว่านั้น ซึ่งเราว่ามันน่าจะแพงกว่าทานอาหารนอกบ้าน ที่ตกมื้อละ 50 บาท
ไม่ไหว..บอกไหว
ทุกคนก็คงคิดเห็นไปในทางเดียวกันนะว่าค่าครองชีพทุกวันนี้มันสูงขึ้น แล้วก็สูงขึ้นทุกวัน ยิ่งคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ อย่างกรุงเทพเนี่ย หนักเลยทุกอย่างต้องซื้อกินเท่านั้น คิดดูซื้อกินทุกมื้อ วันละสามมื้อก็คือ 1,000 เดียวจะอยู่ได้กี่วัน อย่างมากก็สองวันเงิน 1,000 หมดแน่ ทั้งค่าอาหารรวมเครื่องดื่มนะ แม้จะทำอาหารเองก็อย่างมากไม่เกิน 3 วันแหละเราว่า เราเคยใช้ชีวิตใน กทม. มาก่อนรู้ดี แต่ตอนนี้เรากลับบ้านที่ต่างจังหวัด เงิน 1,000 เหรอ เราใช้ได้เป็นอาทิตย์เลยนะ
มีนา
คุณภูวิศ ต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ถึงจะพอในแต่ละเดือน? ตรงนี้ตอบไม่ได้นะคะเพราะว่าความต้องการการใช้เงินและรายจ่ายของคนเราไม่เหมือนกัน ถึงแม้ว่ารายได้เราจะน้อยลง แต่บางครั้งเราเลือกได้ว่าเราจะซื้อหรือไม่ซื้อ และเราจะใช้เงินยังไงให้คุ้มที่สุดเท่าที่จะทำได้ เงิน 1,000 บาทสำหรับบางคนอาจจะใช้วันเดียว แต่สำหรับเราเราใช้ได้เป็นอาทิตย์เลยค่ะ(เราอยู่กทม.ค่ะ)
มิว
เอาจริงๆเงิน 1,000 บาทนี้แทบจะใช้ซื้อของได้ไม่เยอะเท่าไหร่เลยขนาดว่าเราอยู่ตัวคนเดียวนะเงิน 1,000 บาทเนี่ยใช้ซื้อของเข้าบ้าน พวกแป๊บพวกสบู่ยาสระผมแปรงสีฟันยาสีฟันของจำเป็นพื้นฐานพรุ่งนี้ยังไม่พอเลย แต่กว่าจะทำงานหาเงินมาได้ 1,000 บาทมีเลือดตาแทบกระเด็น กำลังคิดอยู่เลยว่าถ้าค่าคงที่สูงขึ้นกว่านี้เนี่ยเงินเดือนที่ได้ตอนนี้อาจจะไม่พอก็ได้
พิมพ์วิภา
ชักน่าสนใจขึ้นมาแล้วละคะ ตอนแรกที่อ่านบทความนี้ ก็ก็ยังค้านในหัวนะว่ามันจะทำได้เหรอ แต่พอมาอ่านเม้นมี ถึงสองคนที่บอกว่าทำงานที่กรุงเทพ แล้วบอกว่า 1,000 บาทสามารถใช้ได้เป็นสัปดาห์ ชักอยากทราบแล้วละว่าทำยังไง เราก็ทำงานในกรุงเทพ ทำงาน6วัน เสียค่าเดินทาง วันละ 30-50 บาท หกวัน 300 เหลือ700 แสดงว่าต้องอยู่ให้ได้ด้วยเงิน100บาทต่อวัน
สมชาย
แน่นอนเหรอครับเมื่อเวลาผ่านไปค่าเงินก็น้อยลงเดี๋ยวนี้เงิน 1000 บาทก็ซื้อของไม่ได้เยอะเท่ากับเมื่อก่อน แต่สิ่งที่เราทำได้ด้วยก็คือการหาเงินมากกว่า 1000 บาทสิครับ เมื่อเรารู้ว่าเงินจำนวนนี้ไม่พอต่อการใช้จ่ายหรือมีค่าน้อยลง เราก็ทำการอดออมหรือวิธีการประหยัดพื้นที่จะทำให้การเงินของเราเพิ่มขึ้น จำนวนเงินของเราเพิ่มขึ้น เท่านี้ก็สามารถซื้อของได้เยอะแล้วครับ
FiFi
@สมชาย ถ้าอยู่ในเมือง หรือ จังหวัดที่เป็นเมืองใหญ่ บอกเลยว่าเงินเพียงแค่ 1,000 บาททำอะไรไม่ได้มาก แต่ถ้าอยู่ต่างจังหวัดหรือในชนบทหน่อย มัน 1,000 บาทอยู่ได้ 1-2 อาทิตย์ หรือบางคนอาจจะอยู่ได้เป็นเดือนนะ เพราะไม่ได้ซื้ออะไรแม้แต่ค่ากินค่าอยู่ก็ไม่ได้จ่าย จริงๆไม่ว่าค่าเงินจะเพิ่มแค่ไหนถ้าอยู่ที่การใช้จ่ายของเราด้วยเราก็อยู่ที่ว่าเราอยู่ในชุมชนแบบไหน
จรินทร์
ตอนนี้ผมรอ โครงการคน ละครึ่งอย่างเดียวเลยครับ เก็บเงินในบัญชี รอแล้วครับ 2พันบาท ผมว่าแบบนี้คุ้มกว่าที่คุณบอกนะครับ ซื้อของ เท่ากับราคาครึ่งหนึ่ง ของสินค้าที่เราต้องการครับ แบบนี้ก็พอช่วยเราประหยัดไปได้มากเลยครับ อย่างที่ออกมาครั้งที่แล้ว ส่วนใหญ่ ผมจะเอาไปซื้อข้าวสารเก็บไว้เลยครับ มีข้าวสาร ก็รอดตายแล้วครับ ช่วงนี้
GIFT
เงิน 1,000 บาทจะซื้อของได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสถานที่ที่เราอาศัยอยู่ด้วย ถ้าเป็นต่างจังหวัดก็อาจจะอยู่ได้นานหน่อย แต่คุณลองมาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ดูสิ ค่าครองชีพสูงมากเลยนะ จะไปตลาดทีนึงอ่ะพันนึงยังแทบจะไม่พอเลยด้วยซ้ำ เผลอๆกินนอกบ้านหนักกว่าซื้อของมาทำกินเองอีก มื้อนึงไม่ต่ำกว่า 50 บาท วันนึง150 บาทพอไหมล่ะ?? นี่ยังไม่รวมค่าเดินทางที่ต้องไปทำงานเลยนะ ทำกินเองยังไงก็ประหยัดสุด