เมื่อเริ่มปีใหม่ทีไรหลายคนก็เริ่มวางแผนเรื่องต่างใหม่อีกครั้งเป็นเหมือนการรีเฟรชชีวิตตัวเองขึ้นใหม่ ซึ่งเรื่องที่มักจะเริ่มใหม่ก็จะเป็นเรื่องการทำงาน,ความรัก,การเงิน,ครอบครัว เป็นต้น เรื่องเหล่านี้คือเรื่องพื้นฐานทั่วไปที่ใครหลายคนต้องการจะประสบความสำเร็จ แต่นอกจากการวางแผนเรื่องราวในชีวิตส่วนตัวแล้วการรับรู้ข่าวสารใหม่ๆภายนอกที่เกี่ยวข้องกับตัวเราก็จำเป็นด้วยที่ต้องติดตาม ซึ่งในบทความนี้จะมาบอกถึงเรื่องใหม่เกี่ยวการลดหย่อนภาษีในปี 2563 นี้ ใครที่ยังไม่ทราบข้อมูลที่ก็ตั้งใจอ่านกันให้ดีดีเพื่อจะไม่เสียสิทธิ์นะคะ
เนื่องจากเรื่องของภาษีต้องวางแผน การรับทราบการลดหย่อนภีก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยคุณวางแผนอย่างดี เมื่อเริ่มปีใหม่คุณต้องเริ่มการยื่นภาษีเพื่อขอลดหย่อนภาษีและเงินคืนดังนั้นการวางแผนอย่างดีตั้งแต่ปีที่แล้วก็ช่วยให้คุณรวบรวมข้อมูลอย่างดีและถูกต้องได้รับเงินคืนอย่างไม่ผิดพลาด แต่ถ้าใครยังทำได้ไม่ดีพอในปีที่แล้วก็มาเริ่มวางแผนการเงินและการรับรายได้เก็บรวบรวทเอกสารอย่างดีตั้งแต่ปี 2563 นี้กันเถอะค่ะเพื่อในปีหน้าจะได้ยื่นภาษีอย่างมีคุณภาพมากขึ้น และการยื่นภาษีนี้ก็มีผลมาจากการที่คุณในฐานะบุคคลที่จ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามาอย่างต่อเนื่องทุกเดือนจากการมีรายได้ เมื่อมีรายได้และจ่ายภาษีเป็นประจำเมื่อสิ้นปีก็ต้องทำการยื่นภาษีเพื่อรับเงินคืนตามสิทธิ์ ในบทความนี้จะมาบอกข้อมูลใหม่ในปี 2563 ว่า 5 กลุ่มบุคคลที่มีรายได้สามารถได้รับการลดหย่อนภาษีเรื่องอะไรบ้าง? ดังนี้ค่ะ กลุ่มที่ 1 ค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว / กลุ่มที่ 2 ค่าลดหย่อนกลุ่มประกันเงินออมและการลงทุน / กลุ่มที่ 3 ค่าลดหย่อนอสังหาริมทรัพย์ / กลุ่มที่ 4 ค่าลดหย่อนกลุ่มเงินบริจาค / กลุ่มที่ 5 ค่าลดหย่อนตามมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาดูว่าคุณเองอยู่ในบุคคลกลุ่มไหนและมีการลดหย่อนภาษีเรื่องอะไรบ้างจะได้วางแผนได้ดีค่ะ
กลุ่มที่ 1 ค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัว และครอบครัว
ค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัวและครอบครัวในปี 2563 ที่คุณจะได้รับมีดังนี้
- ค่าลดหย่อนส่วนตัวสำหรับคนเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทุกคน จำนวน 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนของคู่สมรส สำหรับคู่สมรสที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีเงินได้ หรือมีเงินได้ยื่นแบบรายการคำนวณภาษีพร้อมกัน จำนวน 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนบุตรต่อ 1 คน หากเป็นบุตรตามกฎหมายสามารภนำมาหักได่ไม่จำกัดจำนวนคน ในกรณีที่เป็นบุตรบุญธรรม หรือจะมีทั้งบุตรบุญธรรมและบุตรตามกฎหมายสามารถหักได้ไม่เกิน 3 คน และยังมีการส่งเสริมให้คู่สมรสมีลูกมากกว่า 2 คนขึ้นไปจะได้รับเงินเพิ่ม 30,000 บาทต่อคน รวมเป็น 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนฝากครรภ์และคลอดบุตร หากมีการตั้งท้องปีนี้ แต่มีกำหนดคลอดปีหน้าให้ลดหย่อนตามปีที่ใช้สิทธิ์แต่รวมกันต้องไม่เกิน 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนเลี้ยงดูพ่อแม่ และคู่สมรสที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ได้รับสิทธิ์สูงสุดไม่เกิน 4 คน โดยสิทธิ์ในการเลี้ยงดูจะแค่ครั้งเดียวเพราะฉะนั้นพ่อแม่ต้องระบุลงลายมือชื่อในหนังสือรับรองว่าลูกคนไหนเป็นผู้เลี้ยงดู จำนวนคนละ 30,000
- ค่าลดหย่อนเลี้ยงดูผู้พิการหรือคนทุพพลภาพ ในกรณีที่คนพิการหรือทุพพลภาพมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จะต้องมีใบรับรองแพทย์เพื่อยืนยันความบกพร่องของร่างกายด้วยได้รับเงิน จำนวนคนละ 60,000 บาท
กลุ่มที่ 2 ค่าลดหย่อนกลุ่มประกันเงินออม และการลงทุน
ค่าลดหย่อนกลุ่มประกันงินออมและการลงทุนมีรายการดังต่อไปนี้
- ประกันสังคม จำนวนไม่เกิน 9,000 บาท
- เบี้ยประกันชีวิต จำนวนไม่เกิน 100,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพ จำนวนไม่เกิน 15,000 บาทเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ ต้องเป็นบุตรตามกฎหมายเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ที่จะนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามความคุ้มครองด้านใดด้านหนึ่งใน 4 กลุ่ม คือ ค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย / อุบัติเหตุ / โรคร้าย / ประกันคุ้มครองการพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยในระยะยาว จำนวนไม่เกิน 15,000 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตคู่สมรส ในกรณีที่มีส่วนเกิน 10,000 บาทแต่ไม่เกิน 15% ของรายได้และไม่เกิน 490,000 บาท จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเอาไปคำนวณภาษี จำนวนเงินไม่เกิน 10,000 บาท
- เงินสะสมกองทุน กบข. และกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน จำนวนไม่เกิน 15% ของเงินที่ได้ต้องเสียภาษีหรือไม่เกิน 500,000 บาท
- เงินสะสมจากกองทุนการออมแห่งชาติ กอช. จำนวนไม่เกิน 13,200 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตบำราญ โดยมีเงื่อนไขคือเมื่อรวมกันกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และ RMF จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท จำนวนไม่เกิน 15% และต้องไม่เกิน 200,000 บาท
- กองทุนรวมหุ้นระยะยาว LTF ต้องซื้อถือครองไว้อย่างน้อย ปี ไม่เกิน 15% ของเงินที่ได้และต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF ต้องลงทุนต่อเนื่องถึงอายุ 55 ปี ไม่เกิน 15% ของเงินที่ได้และต้องไม่เกิน 500,000 บาท
กลุ่มที่ 3 ค่าลดหย่อนอสังหาริมทรัพย์
ค่าลดหย่อนอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนที่มีที่ดิน และบ้านมีดังต่อไปนี้
- ดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย เป็นดอกเบี้ยจากเงินกู้ซื้อบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัย หากมีการกู้เงินมากกว่า 1 แห่ง สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้รวมกันแต่ต้องไม่เหิน 100,000 บาท และในกรณีกู้ร่วมกันหลายคนสามารถนำมาแบ่งดอกเบี้ยคนละเท่าๆกันโดยรวกันแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน
- ซื้อบ้านหลังแรก ในปี 2558 ถ้าบ้านหรือคอนโดนั้นราคาไม่เกิน 3,000,000 บาท สามารถลดหย่อนได้ 20% ของราคาบ้าน ลดหย่อนภาษีได้ 5 ปี ปีละ 4%
- ซื้อบ้านหลังแรกในปี 2562 ถ้าซื้อบ้านหรือคอนโดในราคาไม่เกิน 5,000,000 บาท ลดหย่อนได้ในจำนวนไม่เกิน 200,000 บาท
กลุ่มที่ 4 ค่าลดหย่อนกลุ่มเงินบริจาค
ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มเงินบริจาค ใครที่ชอบการบริจาคเพือจะได้รัสิทธิ์ครเก็ยเอกสารการบริจาคให้ดีนะคะเพื่อจะไม่เสียสิทธิ์ สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ดังนี้
- เงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา สนับสนุนการกีฬา และเงินบริจาคเพื่อประโยชน์สาธารณะ สามารถหักได้ 2 เท่า แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
- เงินบริจาคเพื่อสถานพยาบาลของรัฐ สามารถหักได้ 2 เท่า แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
- กลุ่มเงินบริจาคทั่วไป เช่น เงินบริจาคเพื่อสาธารณกุศล สามารถหักได้ตามที่บริจาคจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของรายได้ที่หักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน และเงินบริจาค 2 กลุ่มแรก
- เงินบริจาคให้พรรคการเมือง สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
กลุ่มที่ 5 ค่าลดหย่อนตามมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ
ค่าลดหย่อนภาษีตามมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ จะได้รับการลดหย่อนภาษีในหรณีต่อไปนี้
- สินค้าในกลุ่มช้อปช่วยชาติ สินค้าการศึกษาและกีฬาหนังสือสินค้า OTOP ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท ต่อ 1 กลุ่ม
- ท่องเที่ยวทั่วไทย เมืองหลักเมืองรองรวมกันแล้วไม่เกิน 20,000 บาท
- ค่าเสียหายจากพายุปาบึก ค่าซ่อมบ้านไม่เกิน 100,000 บาท ค่าซ่อมรถไม่เกิน 30,000 บาท
- ค่าเสียหายจากพายุโพดุล พายุคาจิกิ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ค่าซ่อมบ้านไม่เกิน 100,000 บาท ค่าซ่อมรถและอื่นๆไม่เกิน 30,000 บาท
เมื่อรู้เรื่องค่าลดหย่อนภาษีการรักษาสิทธิ์ก็ง่ายขึ้น
ตอนนี้คุณคงทราบแล้วว่าจะได้รับสิทธิ์ค่าลดหย่อนภาษีแต่ละกลุ่มอย่างไรบ้าง แต่เพื่อที่คุณจะได้รับการลดหย่อนภาษีก็ต้องทำการยื่นภาษีต่อกรมสรรพากร ในบทความนี้จะมาสรุปวิธีการยื่นภาษีและบอกว่ายื่นที่ไหนและเมื่อไหร่ด้วยเพื่อคุณจะมั่นใจมากขึ้นเมื่อจะไปยื่นภาษี ในปี 2563 นี้การยื่นภาษีสำหรับคนที่มีรายได้จากเงินเดือนและโบนัสสามารถยื่นหนังสือรับรองการหักภาษี ณ จ่าย 50 ทวิ พร้อมยื่นเอกสารประกอบการลดหย่อนภาษีซึ่งในปีนี้กรมสรรพากรเปิดให้ยื่นได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 – 31 มีนาคม 2563 ซึ่งสามารถยื่นได้หลายช่องทาง เช่น
- ยื่นแบบแสดงภาษีด้วยตัวเองที่กรมสรรพากร
- ยื่นแบบออนไลน์ผ่านทางเว็บไซด์กรมสรรพากร www.rd.go.th ซึ่งสามารถยื่นได้ถึงวันที่ 8 เมษายน 2563
- ยื่นผ่าน Application RD Smart Tax แต่ต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซด์กรมสรรพากรก่อนอยู่ดี
เมื่อได้ข้อมูลเหล่านี้แล้ว หวังว่าคุณจะสามารถจัดการภาษีและการยื่นภาษีอย่างมั่นใจมากขึ้นนะคะโดยเฉพาะข้อมูลใหม่ของปี 2563 นี้การทราบข้อมูลที่อัปเดตใหม่นี้ช่วยให้คุณสามารถรักษาสิทธิ์ได้ค่ะ
Boon-Mee
น่าสนใจมากครับ...เพราะที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยรู้เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เลย พอรู้บ้างแค่คร่าวๆ แต่สงสัยว่าทุกบริษัทมีกองทุนเลี้ยงชีพไว้เป็นสวัสดิการกับพนักงานไหมครับ ? ผมก็อยากจะสมัครไว้เพื่อจะใช้ลดภาษี อยากรู้ด้วยว่า ในกรณีที่บริษัทไม่มีเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เราจะสามารถโยกเงินไปไว้ใน RMF ได้ไหมครับ? ขอคำแนะนำด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
Boon-Nam
ขอบคุณค่ะสำหรับความรู้ดีๆที่พูดถึงเกี่ยวกับการได้รับเงินในการลดหย่อนภาษีตอนสิ้นปี ตอนแรกหนูก็ไม่เข้าใจนะคะว่าทำไมจำเป็นต้องมีการเสียภาษีรายได้ส่วนบุคคล แต่ตอนนี้ก็มาเข้าใจแล้วเขาว่าในตอนสิ้นปีเราสามารถได้รับเงินภาษีขอคืนได้ด้วย การเตรียมเอกสารก็เป็นสิ่งสำคัญค่ะเพื่อที่จะช่วยให้สามารถทำการยื่นภาษีได้ง่ายและทำการขอคืนภาษีได้ง่ายด้วย
น้ำผึ้ง
ภาษีเป็นอีกหนึ่งกลุ่มค่ะที่เราจำเป็นต้องเสียเงินให้กับทางรัฐบาล บางคนคิดว่าเราอยู่เฉยๆก็ไม่ต้องเสียภาษีแต่จริงๆแล้วมีการคิดภาษีในตอนที่เราจ่ายเงินซื้อหรือการลงทุน บทความนี้ทำให้เห็นว่ามีวิธีการที่จะช่วยให้เราสามารถลดหย่อนภาษีได้ 5 แนวทาง ถ้าเรารู้ว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มบุคคลไหนก็จะรู้วิธีที่จะสามารถช่วยเราสามารถลดหย่อนภาษีในแนวทางที่เราเป็นอยู่ได้
Cindy
คนที่อยู่ในกลุ่มที่สามารถลดหย่อนภาษีได้คงยิ้มออกกันเลย แต่ละช่วงของปีที่ต้องมีการยื่นภาษีต่างๆ คงเห็นการโฆษณาหรือการเตือนให้ไปยื่นภาษีด้วย แต่ก็ยังมีหลายคนที่ไม่ยอมไปยื่นภาษี ซึ่งบางส่วนไม่ได้เข้าใจเรื่องนี้จริงๆ กลัวแต่ว่าจะโดนหักเงินไปแล้วเงินไม่พอใช้จึงไม่ไปยื่นภาษี แต่ที่จริงแค่ไปยื่นไม่ใช่ทุกคนจะอยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษีสักหน่อย
จินนี่
รู้ค่ะว่าเรามีการเสียภาษีในทุกการใช้ชีวิต แล้วเราก็มีสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีด้วย แต่ไม่เคยได้ทำเลยไอเรื่องลดหย่อนภาษีเนี่ยขี้เกียจต้องตระเตรียมเอกสารไปยื่นนู่นนี่นั่น เพราะเรายังไม่รู้วิธีการอะไรด้วยแหละ แต่พอเราอ่านเรื่องเนี่ยเราก็รู้มากขึ้นมาเลยนะ ปีนี้จะลองรวบรวมเอกสารเงินเดือนแล้วไปยื่นขอลดหย่อนภาษีดูบ้างละกัน
น้องดาว
ไม่ทราบว่านอกจากทั้งหากลุ่มที่ว่ามาแล้ว ในช่วงโควิด-19 ยังพอมีใครบ้างอีกไหมที่พอลดหย่อนภาษีได้ คือที่ถามแบบนี้เพราะว่าเราเห็นว่าคนที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19ไม่ได้มีแค่ 5หลุ่มนี้เท่านั้น ยังมีเจ้าของกิจการต่างๆอีกมากมายที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก ไม่ทราบว่ากลุ่มคนประเภทนี้ ปีนี้เขาสามารถขอลดหย่อนภาษีได้บ้างไหม
ม่อน
ใครที่ทำงานประจำและได้รับเงินเดือนเยอะก็จำเป็นต้องดูบทความนี้เลยนะคะ เพื่อจะเป็นทางออกสำหรับการลดภาษีประจำปี เพราะคนที่มีรายได้เยอะๆก็จำเป็นต้องเสียภาษีเงินได้ของตัวเองด้วย บทความนี้ช่วยให้เรารู้ว่าเราจะทำยังไงถึงจะได้รับ การลดหย่อนภาษี เพื่อจะได้เป็นช่องทางหรือตัวเลือกให้กับเรา ในการได้รับเงินคืนหรือการเก็บเงินต่อไปค่ะ
Beau
แบบนี้แสดงว่าเวลาที่ เขามี การขอรับบริจาค เพื่อสนับพรรคการเมือง หรือว่า สนับสนุนเกี่ยวกับทางภาครัฐ เราก็สามารถเก็บหลักฐานและเอกสารต่างๆที่เราเคยบริจาคให้กับกลุ่มเหล่านี้ไว้ เพื่อขอลดหย่อนภาษีได้ใช่ไหมคะ ถ้าเป็นแบบนี้ดีเลยคะ ที่บ้านพ่อเราชอบมากสนับสนุนพวกพรรคการเมืองอะไรแบบนี้คะ เดียวจะเอาเอกสารของพอไปขอลดหย่อนดีกว่า
คนึง
สำหรับใครที่หาเงินได้ในแต่ละปีเป็นจำนวนเงินเยอะๆก็ต้องคิดถึงช่องทางการลดหย่อนภาษีเอาไว้ด้วยนะครับ ไม่ว่าจะลงทุนหรือว่าทำกิจการในกลุ่มไหน ก็เป็นการสร้างความมั่นคงและกระจายความเสี่ยงในการใช้ชีวิตด้วยเงินที่เรามีอยู่นั่นแหละครับ ซึ่งการที่เราหมายถึงหรือเลือกใช้บริการต่างๆที่กล่าวมาจะช่วยให้เราสามารถลดหย่อนค่าภาษีได้ดีมากเลย
คำแพง
พึ่งรู้เหมือนกันนะคะเนี่ยว่าการลดหย่อนภาษีจะมีให้ถึงกับคน 5 กลุ่ม โดยปกติแล้วเราจะได้รับการลดหย่อนภาษีจากการที่เรามีกองทุนรวม LTF ค่ะ ถือว่าเป็นความรู้ที่ดีเลย ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆที่เอามาให้อ่านและให้ทราบค่ะ โดยรวมแล้วอ่านเข้าใจดีนะคะ แต่เนื้อหาเยอะมาก เลยขี้เกียจอ่านบ้าง5555 ยังไงซะก็ไม่แย่เอาไปเลย 5 ดาว ปิ้วๆ