อยากซื้อประกันชีวิตให้กับแม่ แต่ไม่อยากให้เชคสุขภาพ ไม่ทราบว่าสามารถทำได้หรือไม่ หรือมีอะไรที่ช่วยให้ประกันผ่านบ้าง

จริงๆก็ไม่ได้มีแค่ประกันชีวิตเท่านั้นที่จะลดหย่อนภาษีได้ ถ้าจขกทมีพ่อแม่ที่ไม่ได้ทำงานและเราเลี้ยงดูท่านอยู่ ตรงนี้เราสามารถยื่นเรื่องขอลดภาษีได้เหมือนกัน แต่เราจำไม่ได้แล้วล่ะว่าเท่าไหร่ นอกจากนั้นใบบริจาคต่างๆ(ถ้าจขกทชอบบริจาค) เราก็สามารถเอายื่นขอลดภาษีได้เช่นเดียวกันนะ ยังงัยก็ขอให้ได้ลดเยอะๆเเล้วกันนะคะ😊

@ฟามิงโก้@กมลทิพย์ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับพวกคุณเท่าไหร่นะ มันก็จริงที่ถ้าอายุมากยิ่งต้องเสียค่าเบี้ยมาก แต่ผมไม่อยากให้คุณดูแค่ตรงนี้ ต้องดูด้วยครับว่าจขกทเค้าไหวไหม ยิ่งช่วงโควิดระบาดเนี่ยเศรษฐกิจก็ไม่แน่นอนเอาซะเลย ใจเย็นๆค่อยๆคิดค่อยๆตัดสินใจจะดีกว่านะครับ อีกอย่างประกันตัวนี้ไม่ใช่จ่ายเบี้ยแค่ไม่กี่ปีนะ ต้องจ่ายค่าเบี้ยตั้ง 10 ปี ยิ่งต้องคิดดีๆครับ

@k.น้ำหวาน การเวนคืนคงไม่ใช่ทางออกที่ดีนักเพราะจขกทบอกว่าใกล้จะครบสัญญาแล้ว ดังนั้นผมแนะนำให้คุณกู้ยืมกรมธรรม์ไปก่อน เพื่อจะนำเงินมาจ่ายเบี้ยได้และทำให้ความคุ้มครองยังอยู่ครบ แต่จริงๆก็อยากให้เป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะถึงแม้ว่าจะสะดวกก็จริง แต่อย่าลืมว่าดอกเบี้ยก็ไม่ใช่ว่าจะถูกสักเท่าไหร่นัก ถ้าเป็นไปได้ก็จอทำเรื่องผ่อนดูก็ดีนะครับ

ส่วนใหญ่ผู้ที่สนใจจะสมัครประกันชีวิตหากอายุยังไม่ถึง 60 ปีเราว่าสมัครได้นะคะ เจา้ของกระทู้สมัครไทยประกันชีวิต ทรัพย์ปันผล 85/10 แผนที่ 3 ให้คุณพ่อกับคุณแม่แล้วหรือยัง อยากให้มารีวิวหน่อยอะค่ะว่าสมัครแล้วเรื่องค่าเบี้ยประกันกับความคุ้มครองที่ได้รับมันโอเคมั้ย เพราะประกันนี้จ่ายค่าเบี้ยประกัน 10 ปี น่าจะแพงนะ

เจ้าของกระทู้บอกว่าอยากซื้อประกันให้ลูกแต่ว่าซื้อประกันเจ้าดังๆไม่ไหว เลยมาสนใจไทยประกันชีวิต ทรัพย์ปันผล 85/10 แผนที่ 3 เจ้านี้ก็มีชื่อเสียงอยู่นะคะ ไม่รู้ว่าบริษัทประกันเจ้าดังของคุณ คือบริษัทอะไร แต่ประกันนี้ก็โอเคนะคะจากที่อ่านคอมเมนต์ด้านบน จ่ายค่าเบี้ยประกันแค่ 10 ปี แต่ได้ความคุ้มครองไปจนถึงอายุ 85 ปีเลย

@Twice แนะนำดีครับ ก็จริงที่ว่าซื้อสัญญาเพิ่มเติมของเจ้าเดียวกันอาจจะประหยัดกว่าเวลาเคลมก็ไม่ยุ่งยาก แต่ก็ต้องดูด้วยว่าเงื่อนไขของสัญญาเพิ่มเติมนั้นคุ้มครองตรงกับเรื่องความเสี่ยงของคุณหรือเปล่า คือวงเงินคุ้มครองประกันอุบัติเหตุมีให้เลือกเท่าไหร่บ้าง คุ้มครองเรื่องนั้นเรื่องนี้ยังไงบ้างอะไรอย่างนี้ก็ต้องดูด้วยครับ

จะซื้อประกันทั้งที แม้ค่าเบี้ยประกันจะไม่แพงมาก แต่ก็ควรจะรู้ว่าประกันที่คุณจะซื้อนั้นให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันอุบัติเหตุ ควรจะรู้รายละเอียดว่าคุณจะได้รับความคุ้มครองหรือสิทธิประโยชน์อะไรบ้างครับ ที่สำคัญ ค่าเบี้ยประกันทั้งหมดที่ต้องจ่ายในครั้งนึงมั้นทั้งหมดกี่บาทกันแน่ จะได้ไม่พลาด

ต้อมเทีบเรื่องการคุ้มครองกับเจ้าอื่นในบ้านของเราดูครับว่ามันคล้ายกันไหม เพราะจะบอกว่าดีหรือไม่ดี ก็ไม่กล้าฟันธงลงไปหรอกครับ บางครั้งประกันนะดีครับ แต่พอเราจะเคลมก็จะไปมีปัญหากับคนที่รับเคลมมากกว่าครับ ไม่ค่อยอยากให้เราเคลมเท่าไร ยิ่งเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณีด้วยแล้ว ประกันมักจะเรื่องมาก ถามเยอะมาก

ก็ต้องดูก่อนอะว่าที่คุณเข้าไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาล จากอาการปวดเข่า ปวดหลัง หรือปวดเอว อันเนื่องมาจากสาเหตุอะไร เกิดอุบัติเหตุมั้ยหรือว่าเป็นอาการจากทางร่างกายหรือโรคที่คุณมีอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้เข้ารับการรักษาเพราะเกิดอุบัติเหตุ ต่อให้คุณมีประกันอุบัติเหตุ บริษัทประกันเขาไม่จ่ายค่าสินไหมหรือค่ารักษาให้หรอกค่ะ

ถ้าประกันสุขภาพนั้นให้ความคุ้มครองเรื่องค่ากายภาพบำบัดด้วย ค่าเบี้ยประกันคงจะแพงมากเลยนะครับ เพราะการทำกายภาพบำบัดต้องใช้เวลาและทำอย่างต่อเนื่องด้วย ไม่รู้ว่าประกันสุขภาพที่เจ้าของกระทู้ถามมาให้ความคุ้มครองเรื่องค่ากายภาพบำบัดด้วยหรือเปล่านะครับ คุ้มครองก็ดี แต่ถ้าไม่ต้องใช้สิทธิ์นั้นจะดีกว่ามากนะครับ

ไม่รู้ว่าเจ้าของกระทู้มีประกันชีวิตแล้วหรือยัง เห็นถามถึงแต่ประกันสุขภาพ ถ้าคุณมีประกันชีวิตแล้ว ก็ซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเติมได้เลยนี่คะ อยากได้ความคุ้มครองเรื่องอะไรก็บอกคนขายประกันไป ที่น่าสนใจนะคะ เราว่าเป็นเรื่องเงินชดเชยเมื่อนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือไม่ก็ค่าห้องพัก อันนี้แล้วแต่ความต้องการและความจำเป็นของแต่ละคนค่ะ

เรื่องการลงชื่อผูรับผลประโยชน์จากเงินกรมธรรม์ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะครับ เมื่อก่อนผมคิดว่า ใส่ชื่อคนที่บ้านน่ะแหละ คนในครอบครัวน่ะ ใครก็ได้ แต่ถ้าผู้รับผลประโยชน์เป็นลูกของผู้ถือกรมธรรม์เอง ต้องคิดเยอะกว่านั้นมากจริงๆ ยิ่งลูกอายุยังน้อย ยิ่งต้องคิดว่าจะทำยังไงให้ลูกได้ใช้เงินจากประกันชีวิตของเรา ไม่ใช่คนอื่นเอาไปใช้