บัตรกรุงศรี เดบิต OPD ใช้จ่ายง่าย และมอบความสะดวกปลอดภัยกับเรายังไงบ้างค่ะ

เมื่อมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายเดือน และ/หรือรายปี จากบัตรเราก็จะได้รับการคุ้มครองตามกรมธรรม์โดยอัตโนมัติ แต่ความคุ้มครองนี้จะสิ้นสุดทันทีเมื่อธนาคารไม่สามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวได้ครับ และสิทธิ์ในการออกบัตรกรุงศรี เดบิต OPD ก็จะทำให้กับลูกค้าไม่เกิน 3 ใบต่อลูกค้า 1 ราย และต้องผูกบัตรกับบัญชีละ 1 ใบเท่านั้น ส่วนสิทธิ์ในการเรียกคืน/ ยกเลิก/ อายัด หรือต่ออายุบัตร ก็แน่อยู่แล้วถ้าเราผิดข้อตกลงหรือเงื่อนไขการใช้บัตรก็จะหมดความคุ้มครองไปทันที แต่ปรึกษาได้ตลอดครับฮอตไลน์ 1512

ในส่วนของเงื่อนไข ผู้สมัครบัตรกรุงศรี เดบิต OPD เพื่อได้รับความคุ้มครอง จะต้องเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากออมทรัพย์/กระแสรายวัน ในนามบุคคลธรรมดาเพื่อผูกกับบัตรค่ะ ต้องมีอายุระหว่าง 15-65 ปี แล้วเราก็จะได้รับความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยในฐานะผู้ป่วยนอก (OPD) หลังจากระยะเวลารอคอย 30 วัน จากการเจ็บป่วยด้วยโรคทั่วไป และ 120 วัน จากการเจ็บป่วยด้วยโรคตามที่ระบุไว้ในข้อยกเว้นทั่วไป นับจากวันที่ได้สมัครบัตรค่ะ แต่ถ้าเป็นการรักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุจะได้รับการคุ้าครองทันที เมื่อแสดงบัตรเพื่อเข้ารับการรักษาก็จะไม่ต้องสำรองจ่าย แต่ถ้าเข้ารับการรักษาภายใน 5 วัน นับจากวันที่สมัครบัตรหรือเปลี่ยนบัตรใหม่ ก็ต้องสำรองจ่ายไปก่อน

เราเองก็ทำงานบริษัทบัญชีค่ะ การคิดรอบคอบแบบคุณไม่ได้เยอะเลยค่ะ อันนี้ชื่นชมจากใจ เราเองเคยถามผู้รู้มาเหมือนกันเรื่องค่าธรรมเนียมการออกบัตรใหม่เห็นว่าไม่มี แต่หากออกทดแทนจะ 150 บาท/บัตร ส่วนค่าธรรมเนียมรายปีอยู่ที่ 3999 บาท/บัตร ถ้าหักค่าประกันรายปีและต้นทุนการดำเนินการ 3799 ก็มีค่าธรรมเนียมจริงๆ แค่200 บาท ถูกและคุ้มแล้วค่ะ ส่วนการทำรายการข้ามเขตจะคิด 15 บาท/รายการ , ทำรายการที่ตู้เอทีเอ็มมากกว่า 4 ครั้ง จะคิด 10 บาท/รายการ ถ้าเราวางแผนดี ก็คุ้มมากไปอีกแน่ๆเลย

มีคอมเมนต์นึงบอกว่าบัตรกรุงศรี เดบิต OPD ให้ความคุ้มครองทั้งอุบัติเหตุและสุขภาพ เป็นผู้ป่วยนอกก็คุ้มครองด้วย แต่ค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยในฐานะผู้ป่วยนอก (OPD) วันละ 1,000 บาทเท่านั้นเองเหรอคะ จะพอมั้ยเนี่ย เดี๋ยวนี้เข้าโรงพยาบาลครั้งนึงเกินพันแล้วอะ หรือว่าเรื่องอื่นๆเขาจะให้ความคุ้มครองดี..ช่วยบอกด้วยค่ะ

@แมวน้ำ อืม ก็น่าสนใจ ถ้าจำเป็นต้องใช้บัตรเดบิต แต่สำหรับผมมันไม่จำเป็นแล้วนะบัตรเดบิต เพราะผมใช้ App ธนาคารซะมากกว่า สแกนจ่ายมากกว่า หรือกดเงินไม่ใช้บัตร แล้ววงเงินค่ารักษาของบัตรเดบิตกรุงศรี OPD ผมว่าไม่ได้เยอะเลยนะ มีโอกาสได้ออกเงินเองแน่นอน ซื้อประกันไปเลยดีกว่าวงเงินค่ารักษาได้มากกว่าอีก ก็แล้วแต่ว่าใครอยากใช้บัตรหรือชอบใช้ App นะคับ

ของเราตอนนี้ก็ยกเลิกการใช้บัตร เอทีเอ็มแล้วคะ ใช้งานผ่านแอพธนาคารอย่างเดียวแล้ว ไม่ค่อยได้กกดเงินสดมากเท่าไร แต่ถ้าจะกดเงินสดก็จะใช้บริการกดเงินโดยไม่ใช้บัตรเอทีเอ็มเอาคะ แบบนี้ลดค่าใช้จ่ายต่อปีของเราลงได้คะ แล้วตอนนี้ถ้าใครเปิดบัญชีแบบออนไลน์ ก็ไม่ต้องทำบัตรเอทีเอ็มแล้วด้วยเหมือนกันเดี่ยวนี้ใช้งานง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะคะ

ใช้งานแอพทรู ตอนนี้ก็สามารถใช้บัตรตัวนนี้ได้เหมือนกันแล้ว ไม่มีค่าธรรมเนียมอะไรเลย ตอนนี้เราก็เอาไว้ซื้อแอฑที่ขายในระบบ IOS บ่อยๆนะ ง่ายดีไม่ต้องใช้บัตรเครดิตตัวจริงก็ได้ ใช้แบบนี้ปลอดภัยกว่าเยอะ ใครไม่สามารถเอาไปใช้งานได้ เพราะจะใช้งานเราก็แค่เติมเงินเข้าไปเท่านั้นถ้าเราไม่เติมเงินก็ใช้ไม่ได้ ปลอดภัยไหมละ

ในเมื่อเราอยุ่ที่อื่นเราจะไปทำบัตรเครดิตประจำจังหวัดเพื่ออะไรกัน ยังไงเราก็ไม่สามารถกลับไปใช้งานบัตรนั้นได้อยู่แล้ว สมัครบัตรแบบปกติไปเลยดีกว่าแบบที่เพื่อนๆบอกจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายหาที่ทำบัตรตัวนนี้ นี่ถ้าไม่สามารถทำได้ก็ต้องเดินทางกลับมาทำที่บ้านเกิดของตัวเองด้วยไหม ดูๆแล้วไม่น่าจะคุ้มเท่าไรเลยนะครับ

ตอนแรกผมก็คิดนะครับว่าถ้าเอาบัตรของบ้านเราไปกดใช้งานที่ประเทศญี่ปุ่นจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเยอะแน่ๆ เพราะตอนที่ผมไปที่ประเทศลาวแล้วก็ต้องการเงินออกมาใช้ ตอนนั้นผมยังเสียค่าบริการ 200 บาทเลยครับ แต่นี่ญี่ปุ่นเสียแค่ 100 บาทเอง แบบนี้ผมต้องมาเปิดบัญชีแล้วก็ทำบัตรเดบิตกับของธนาคารนี้แล้วละครับ ถ้าสามารถเดินทางได้จะได้สะดวก

มีบัตรเดบิตก็ใช้ง่ายดีค่ะ แม้ลูกจะไม่ได้ไปไหนมาไหนกับคุณ คุณก็แน่ใจได้ว่าลูกจะมีเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆเมื่อเขาออกไปข้างนอกบ้าน ได้มีการคุยกับลูกมั้ยครับว่าให้ใช้เินได้สัปดาห์ละ หรือเดือนละเท่าไหร่ แค่พอให้เขารู้ว่าจะบริหารและจัดการกับเงินที่มีอยู่ในเดบิตอย่างไร เราก็แค่ลองถามคุณดูเท่านั้น แล้วแต่จะจัดการค่ะ

นี่กำลังคุยกันเรื่องบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตครับเนี่ย อ่านไปอ่านมาก็งงๆนะ ตั้งแต่กระทู้มาจนถึงคอมเมนต์ เอาเป็นว่าไม่ว่าจะใช้บัตรประเภทไหนควรมีการกำหนดวงเงินครับ จะเป็นการกำหนดจากธนาคารก็ดี เป็นการกำหนดของตัวเราเองก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ไม่อย่างนั้นได้ใช้เงินกันเพลิดเพลิน หาเงินมาจ่ายคืนไม่ทันพอดี เอาที่ไหวครับ

ก็น่าจะถูกต้องแล้วที่ พนักงาน 7/11 จะไม่รู้จักเจ้าบัตรตัวนี้ บัตรนี้ถ้าใครใช้งานก็จะบอกอายุได้เลยว่าประมาณเท่าไรกัน พนักงานที่เป็นวัยรุ่นๆ ไม่ทราบหรอกคะเพราะว่าบัตรตัวนี้ไม่ีแล้ว ถ้าเราอยากใช้งานก็เข้าไปที่แอพ ทรู เลย ทำง่ายมาก ตอนนี้เงินของเราก็ยังอยู่นนั้นประมาณ 300 บาทเลย แต่ไม่ค่อยได้ใช้งานเท่าไรด้วยสิ