ธนาคารซิตี้แบงก์
ธนาคารชั้นนำของโลก ที่ให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 200 ล้านราย ในกว่า 160 ประเทศและเขตปกครองทั่วโลก ซิตี้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายให้กับลูกค้าบุคคล องค์กร ภาครัฐและสถาบันต่างๆ โดยธุรกิจหลักครอบคลุมการธนาคารและสินเชื่อเพื่อลูกค้าบุคคล (สายบุคคลธนกิจ) ธนาคารเพื่อองค์กรและการลงทุน (สายสถาบันธนกิจและวาณิชธนกิจ) ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ บริการธุรกรรมทางการเงินต่างๆ รวมถึงบริการบริหารความมั่งคั่ง ซิตี้เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2510 และได้ขยายกิจการจนกลายเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีรากฐานมั่นคงแห่งหนึ่งในประเทศไทย ปัจจุบัน ซิตี้ ประเทศไทยให้บริการทางการเงินผ่านทางธุรกิจของซิตี้และธนาคารซิตี้แบงก์แก่ลูกค้าองค์กร สถาบันและลูกค้าบุคคลมากกว่า 1 ล้านราย ให้บริการลูกค้าผ่านธนาคารซิตี้แบงก์ซึ่งมีอยู่จำนวน 3 สาขา และให้บริการสินเชื่อบุคคลซิตี้ผ่านทางสาขาของบจ. ซิตี้คอร์ป ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) อีก 30 แห่ง มีพนักงานทั้งสิ้นราว 2,200 คน ลูกค้าของซิตี้ประกอบด้วยหน่วยงานของรัฐ บริษัทข้ามชาติ องค์กรชั้นนำในประเทศ สถาบันการเงินตลอดจนลูกค้าบุคคลที่มีความเป็นสากล
ซิตี้ ประเทศไทย นับเป็นผู้นำของธนาคารด้านสถาบันธนกิจและวาณิชธนกิจ การปริวรรตเงินตรา นายหน้าค้าหลักทรัพย์ ธุรกรรมการการเงิน บัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล ธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อยและบริการบริหารความมั่งคั่งหรือเวลธ์ เมเนจเมนต์
5
นิธิพงศ์
สมมุติว่าเรา เงินเดือน 2หมื่นบาท ไม่ใช่ธนาคารเขาจะจ่ายให้เราเลยนะครับ อย่างบอกว่าได้สูงสุด5เท่า จริงๆแล้วอันนี้เป็นเพียง จุดขายนะครับ ถ้าเขาให้เรามากสุด เขาต้องดูเรื่องภาระหนี้สินของเราด้วยครับ ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ถ้าเอามาหมดเลย5เท่า เขาคงคิดละครับว่าเราไม่น่าจะจ่ายคืนได้ ส่วนใหญ่แล้ว เขาจะให้ ประมาณ 3เท่าครับ
Maii_ssdd
เค้าบอกว่า “สูงสุด 5 เท่า” ค่ะ ไม่ได้บอกว่าจะ “ให้ 5 เท่า” มันเป็นนโยบายการโฆษณาชวนเชื่อค่ะ แล้วบอกเลยว่าถ้าเงินเดือน 15,000-30,000 บาท จะได้วงเงินประมาณไม่เกิน 1.5เท่า ถ้า 30,000-50,000 จะได้วงเงินไม่เกิน 3 เท่า ประมาณนี้ค่ะตามที่ได้รับกัน ใครจะไปกล้าให้วงเงินเยอะๆถ้าเงินเดือนน้อย คุณจะจ่ายหนี้ไหวไหมล่ะ?? คิดง่ายๆก็พอ....
พรทรัพย์
มีโอกาส ได้วงเงินตามที่เขาบอกคะ ถ้าคุณมีเครดิตที่ดีเรื่องเงินนะคะ อย่างไม่เคยเป็นหนี้เลย แล้วเงินเดือนที่ได้ก็มากว่าเงินเดือนที่เขากำหนดจากบัตรกดเงินสดตัวนี้คะ แต่เอาจริงๆนะคะ ถ้าเราเงินเดือนมากๆบัตรกดเงินสดเราไม่ทำหลอกคะ เราหันไปเอาบัตรเครดิตเลยจะดีกว่านะคะ เพราะว่าการใช้งานให้ได้หลากหลายมากกว่าบัตรกดเงินสดคะ
รักล้นฟ้า(❁´◡`❁)
เท่าที่เห็นมาวงเงินอนุมัติบัตรกดเงินสดก็ประมาณนั้นล่ะครับ 3-5 เท่าของรายได้ต่อเดือนของผู้สมัคร บัตรกดเงินสดซิตี้ เรดดี้เครดิตที่เจ้าของกระทู้ถามมาก็จะได้ประมาณนั้นเหมือนกัน ผมว่าได้วงเงินพอประมาณก็พอแล้วครับไม่ต้องถึงกับเป็นวงเงินสูงสุดหรอก ได้วงเงินมากก็ใช้จ่ายมาก พอถึงเวลาที่ต้องชำระเงินคืนมันจะจ่ายไม่ไหวเอา
Yani
สรุปว่า เจ้าของกระทู้ไปขอสินเชื่อหรือไปสมัครบัตรกดเงินสดมาใช้คะ? ได้วงเงินอย่างที่ต้องการหรือเปล่า เรื่องวงเงินน่ะไม่เท่าไหร่หรอก อย่าลืมดูเรื่องดอกเบี้ยค่ะ ชำระเงินคืนแต่ละงวดต้องจ่ายเท่าไหร่ คำนวณก่อนสมัครหรือยัง มาบอกตอนนี้คงจะไม่ทันละ ยังไงก็ขอให้มีเงินไปชำระหนี้แบบตรงเวลา จะได้ไม่เสียเงินเยอะนะคะ
ถิรกฤต
วงเงินที่เขาบอกว่าให้เรา 5เท่าของ รายได้ เอาจริงๆนะครับ เวลาที่เราได้อนุมัติ ก็จะได้ ประมาณแค่ 2-3 เท่า นะครับ ไม่น่าจะเกินนี้นะครับ ส่วนที่บอกว่าต้องดูเรื่องอะไร บ้าง ที่เราแนะนำเลย น่าจะเป็นเรื่องของดอกเบี้ยครับ หาสินเชื่อบัตรกดเงินสด ที่เป็นแบบลดต้นลดดอกน่าจะดีกว่านะครับ ดอกเบี้ยไม่ได้เยอะตามเงินที่เราได้ครับ
Black_memba
เกิดข้อสงสัยขึ้นมาค่ะ ขออนุญาตถามในห้องกระทู้นี้ไปเลยละกันนะ ขี้เกียจไปตั้งกระทู้เอง นี่ก็พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับขอสินเชื่อกันอยู่แล้ว แค่อยากรู้ว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดีช่วงนี้ หลายคนขอเซ็นช่วยกันเยอะไหมคะ? หรือว่าไม่ ใครมาตอบก็ได้นะ จะเป็นประสบการณ์ของคุณเอง หรือ ของเพื่อน หรือ ของญาติ ก็ได้หมดนะคะก็มาเล่าให้ฟังได้ อ้อ...ไม่ใช่มาพิมพ์ให้อ่านก็ได้
วรากร
ถึงคุณจะได้เงินเดือนแค่ไหน ก็ใช่ว่าเขาจะให้ถึง5เท่าครับ เพราะว่าก่อนที่เขาจะอนุมัติวงเงินให้กับคุณเขาต้องเชคเรื่องของภาระหนี้สินที่คุณมีอยู่ครับ แล้วเขาจะมาคำนวนว่าคุณสามารถจ่ายคืนเขาได้ไหมแล้วต้องใช้ระยะเวลาในการจ่ายคืนให้กับเขานานไหม ดังนั้นถ้ามีหนี้สินเยอะ วงเงินก็ได้น้อย บางคนถึงกลับไม่ได้รับการอนุมัติเลยก็มีครับ
ธันยา
เขาก็เขียนบอกเอาไว่นิว่าได้วงเงินสูงสุด 5เท่า ของเงินเดือนที่ได้รับ แต่ก็อย่างที่เพื่อนบอกครับ ว่าบัตรเครดิตหรือว่าสินเชื่อต่างๆก่อนที่เขาจะอนุมัติให้เรา เขาก็จะเชคเครดิตบูดรของเราก่อนว่าเป็นยังไงบ้าง ถ้าเราไม่มีในส่วนก็มีโอกาสได้วงเงินที่เยอะ ถัดถ้าเขาก็มาเชคภาระหนี้สินแบบที่บอกครับว่าเรามีไหม ถ้ามีมันมากขนาดไหน เขาก็จะคำนวนให้เราว่าเราน่าจะได้เท่าไร